วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551

ประวัติศาสตร์ที่ขาดการชำระ

ประวัติศาสตร์ที่ขาดการชำระ
โดย จักรภพ เพ็ญแข [17-10-2007]
ต้องขอบคุณเทคโนโลยี DVD ที่ทำให้คนงานล้นอย่างผมมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ดีๆ หลังจากที่ลาโรงไปแล้ว นอกจากจะได้ชมในคุณภาพที่ไม่ผิดอะไรกับในโรงแล้ว ยังสนุกสนานและได้ความรู้อย่างมากจาก special features ที่แต่ละเรื่องแข่งขันกันใส่เข้ามาเพื่อให้เป็นมูลค่าเพิ่มและช่วยส่งเสริมการขาย ผมชอบเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์แต่ละเรื่องเป็นพิเศษ ที่มักจะนำเสนอในสารคดีที่เรียกกันติดปากว่า “...the making of...” สารคดีบางเรื่องดีพอๆ กับตัวหนังเลยทีเดียว

เพราะ DVD ผมถึงได้ชมภาพยนตร์สัญชาติเยอรมันเรื่อง Downfall ที่พูดภาษาเยอรมันทั้งเรื่อง ต้องอ่าน subtitle ภาษาอังกฤษไปตลอดสองชั่วโมงสามสิบนาที แต่ไม่ได้สร้างความอึดอัดรำคาญใจเลยแม้แต่นิดเดียว
เข้าทำนองที่พูดกันว่า ภาษาในภาพยนตร์มีอยู่สองประเภท ได้แก่ ภาษาที่ตัวแสดงพูดและสื่อสารกัน กับภาษาภาพยนตร์ที่เป็นสากล ซึ่งเป็นศิลปะขั้นสูงของคนทำหนัง ผู้กำกับภาพยนตร์ที่กลายเป็นอมตะของโลก ไม่ว่าเป็นอากิระ คุโรซาว่า จอห์น ฮุสตัน เฟลเดอริโก เฟลลีนี่ ฯลฯ ล้วนได้รับการยกย่องว่าใช้ภาษาภาพยนตร์ได้เป็นเลิศ นั่นคือทำให้คนดูเข้าใจในภาษาภาพโดยไม่ต้องเข้าใจในภาษาพูดเลยแม้แต่คำเดียว
Downfall เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วงสุดท้ายก่อนที่เยอรมนีจะพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างราบคาบ ภาพยนตร์เรื่องนี้วนเวียนอยู่ในที่ตั้งมั่นของผู้นำเยอรมันในขณะนั้นคือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือ “ท่านผู้นำ” (“Fuhrer”) ในช่วงเดือนเมษายน ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายลงตามชื่อภาพยนตร์ คำว่า downfall นั้นมีความหมายว่า พังทลาย ถูกโค่นล้ม ความล่มสลาย
เราชมภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองและฮิตเลอร์มาไม่รู้กี่เรื่อง คอหนังสงครามแต่ละคนจะมีชื่อภาพยนตร์ในดวงใจทุกคนไป และส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่สอง สตีเว่น สปีลเบิร์กคนเดียวก็สร้างและกำกับฯ ไม่รู้กี่เรื่อง จาก 1941, Empire of the Sun, Schindler’s List จนถึง Saving Private Ryan แม้กระทั่งผู้สร้างไทยก็หยิบวรรณกรรมอย่าง “คู่กรรม” มาสร้างแล้วสร้างอีกอย่างไม่รู้เบื่อ แต่ Downfall ก็ยังโผล่พรวดขึ้นมาจากภาพยนตร์ที่เป็นกองพะเนินเทินทึกและสร้างความโดดเด่นจนได้
ก็เพราะ Downfall เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความสูญสลายพ่ายแพ้ ตลอดจนความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกยังประณามไม่รู้จบสิ้น ที่สร้างโดยฝีมือของคนเยอรมันเอง
ครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเล่าถึงความผิดบาปของเยอรมนีในช่วงสงครามอันโหดร้ายครั้งนั้น โดยคนที่มีตราบาปติดตัวมานั้นเองเป็นคนเล่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ต่างอะไรจากการสารภาพบาป ที่ทำให้เราคนดูเกิดความซาบซึ้งและความเหี่ยวแห้งใจไปพร้อมกัน
ทุกประเทศย่อมมีความภาคภูมิในประเทศของตน และไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ผิดหรือผู้แพ้ ประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารของแต่ละประเทศที่บันทึกเรื่องราวเดียวกันจึงมีความขัดแย้งกันเสมอ ตัวอย่างที่ดีคือประวัติศาสตร์ระหว่างไทยกับพม่า ที่แทบจะวางมวยกัน หลายครั้งที่ชนะกลายเป็นแพ้ และหลายครั้งที่แพ้ก็แก้เกี้ยวว่าเป็นเล่ห์กระเท่ของผู้ชนะ ดิสเครดิตเขาถึงขนาดนั้นก็มี
ผมจึงนั่งชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยความทึ่งในระบบสังคมของเยอรมนีในปัจจุบัน เราต่างทราบประวัติศาสตร์ของเขาดี (ส่วนใหญ่ก็จากการดูหนัง) ว่า ระบอบนาซีที่คนเขาด่าประณามกันนักหนาว่าเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและโหดร้ายทารุณเหลือที่จะกล่าวนั้น ความจริงก็มาจากการเลือกตั้งโดยแท้ ฮิตเลอร์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา ไม่ได้ยึดอำนาจมาจากใครที่ไหนเลย
จนภายหลังเมื่อฮิตเลอร์นำนโยบายที่คนเยอรมันชื่นชอบไปเป็นนโยบายต่างประเทศ ถึงขั้นรุกรานยุโรปเกือบทั้งทวีป เปิดสงครามโลกขึ้น และพ่ายแพ้ นั่นเองจึงเป็นเหตุให้เขากลายสภาพจาก “ท่านผู้นำ” มาเป็น “อาชญากรสงคราม”
แปลว่าตั้งแต่ต้นจนอวสาน คนเยอรมันส่วนใหญ่ในขณะนั้นเอาด้วยกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นะครับ
แล้วมาวันนี้จะรู้สึกกันอย่างไรก็ไม่ทราบได้ เมื่อภาพยนตร์อย่าง Downfall ฉีกกระชากความภาคภูมิใจนี้ออกเป็นชิ้นๆ ทำให้ฮิตเลอร์กลายเป็นคนบ้าเสียสติ บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์กลายเป็นสาวกของซาตาน ฯลฯ ซึ่งเป็นภาพที่ศัตรูวาดให้กับเยอรมันมานานในภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่นี่คือลูกหลานเยอรมันเองเป็นผู้วาดภาพ และเป็นภาพที่เหมือนจริงจนเจ็บปวดเสียด้วย
ใครจะนึกอย่างไรก็ตาม ผมดูภาพยนตร์เรื่องจบด้วยความรันทดใจในโศกนาฏกรรมที่ “สิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่าคน” (ศัพท์ของ วินทร์ เลียววาริณ) สร้างให้กับตนเองจนต้องตกในห้วงทุกข์ตลอดชีวิตจริงๆ ถ้าขาดปัญญาอันเกิดจากธรรมะ ก็จะดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นนรกนรกานต์
แต่ประวัติศาสตร์ที่เขาชำระด้วยตัวเขาเองอย่างนี้ ส่งผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ ปัจจุบันคนเยอรมันไม่ได้ถูกผูกกับบาปของฮิตเลอร์และนาซีอีกต่อไปแล้ว เพราะเขาทำหนังและงานศิลป์อย่างนี้ออกมาเป็นการระบายถ่ายทอดความผิดบาปในหัวใจ ยอมรับสภาพและความเป็นจริง จากนั้นก็เดินสู่อนาคตอย่างคนที่ได้รับบทเรียน
บางทีวิบากกรรมของไทยในขณะนี้อาจจะเกิดจากการที่เราไม่เคยชำระประวัติศาสตร์และยอมรับความจริงอะไรเลยก็เป็นได้ คนโกหกจึงได้เกลื่อนเมืองอย่างไม่น่าเชื่อ.

ไม่มีความคิดเห็น:

 
Reciprocal Links Directory - Smarty Links is the right place to get linked!