วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2551

ทางลัดสู่การทำแผนธุรกิจ

จัดทำและจัดการแผนธุรกิจระดับมืออาชีพด้วยการใช้เครื่องมือและแม่แบบที่ช่วยคุณประหยัดเวลาของ Microsoft
โดย David McAmis


จัดทำและจัดการแผนธุรกิจระดับมืออาชีพด้วยการใช้เครื่องมือและแม่แบบที่ช่วยคุณประหยัดเวลาของ Microsoft
โดย David McAmis

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551

ประวัติศาสตร์ที่ขาดการชำระ

ประวัติศาสตร์ที่ขาดการชำระ
โดย จักรภพ เพ็ญแข [17-10-2007]
ต้องขอบคุณเทคโนโลยี DVD ที่ทำให้คนงานล้นอย่างผมมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ดีๆ หลังจากที่ลาโรงไปแล้ว นอกจากจะได้ชมในคุณภาพที่ไม่ผิดอะไรกับในโรงแล้ว ยังสนุกสนานและได้ความรู้อย่างมากจาก special features ที่แต่ละเรื่องแข่งขันกันใส่เข้ามาเพื่อให้เป็นมูลค่าเพิ่มและช่วยส่งเสริมการขาย ผมชอบเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์แต่ละเรื่องเป็นพิเศษ ที่มักจะนำเสนอในสารคดีที่เรียกกันติดปากว่า “...the making of...” สารคดีบางเรื่องดีพอๆ กับตัวหนังเลยทีเดียว

เพราะ DVD ผมถึงได้ชมภาพยนตร์สัญชาติเยอรมันเรื่อง Downfall ที่พูดภาษาเยอรมันทั้งเรื่อง ต้องอ่าน subtitle ภาษาอังกฤษไปตลอดสองชั่วโมงสามสิบนาที แต่ไม่ได้สร้างความอึดอัดรำคาญใจเลยแม้แต่นิดเดียว
เข้าทำนองที่พูดกันว่า ภาษาในภาพยนตร์มีอยู่สองประเภท ได้แก่ ภาษาที่ตัวแสดงพูดและสื่อสารกัน กับภาษาภาพยนตร์ที่เป็นสากล ซึ่งเป็นศิลปะขั้นสูงของคนทำหนัง ผู้กำกับภาพยนตร์ที่กลายเป็นอมตะของโลก ไม่ว่าเป็นอากิระ คุโรซาว่า จอห์น ฮุสตัน เฟลเดอริโก เฟลลีนี่ ฯลฯ ล้วนได้รับการยกย่องว่าใช้ภาษาภาพยนตร์ได้เป็นเลิศ นั่นคือทำให้คนดูเข้าใจในภาษาภาพโดยไม่ต้องเข้าใจในภาษาพูดเลยแม้แต่คำเดียว
Downfall เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วงสุดท้ายก่อนที่เยอรมนีจะพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างราบคาบ ภาพยนตร์เรื่องนี้วนเวียนอยู่ในที่ตั้งมั่นของผู้นำเยอรมันในขณะนั้นคือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือ “ท่านผู้นำ” (“Fuhrer”) ในช่วงเดือนเมษายน ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายลงตามชื่อภาพยนตร์ คำว่า downfall นั้นมีความหมายว่า พังทลาย ถูกโค่นล้ม ความล่มสลาย
เราชมภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองและฮิตเลอร์มาไม่รู้กี่เรื่อง คอหนังสงครามแต่ละคนจะมีชื่อภาพยนตร์ในดวงใจทุกคนไป และส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่สอง สตีเว่น สปีลเบิร์กคนเดียวก็สร้างและกำกับฯ ไม่รู้กี่เรื่อง จาก 1941, Empire of the Sun, Schindler’s List จนถึง Saving Private Ryan แม้กระทั่งผู้สร้างไทยก็หยิบวรรณกรรมอย่าง “คู่กรรม” มาสร้างแล้วสร้างอีกอย่างไม่รู้เบื่อ แต่ Downfall ก็ยังโผล่พรวดขึ้นมาจากภาพยนตร์ที่เป็นกองพะเนินเทินทึกและสร้างความโดดเด่นจนได้
ก็เพราะ Downfall เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความสูญสลายพ่ายแพ้ ตลอดจนความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกยังประณามไม่รู้จบสิ้น ที่สร้างโดยฝีมือของคนเยอรมันเอง
ครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเล่าถึงความผิดบาปของเยอรมนีในช่วงสงครามอันโหดร้ายครั้งนั้น โดยคนที่มีตราบาปติดตัวมานั้นเองเป็นคนเล่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ต่างอะไรจากการสารภาพบาป ที่ทำให้เราคนดูเกิดความซาบซึ้งและความเหี่ยวแห้งใจไปพร้อมกัน
ทุกประเทศย่อมมีความภาคภูมิในประเทศของตน และไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ผิดหรือผู้แพ้ ประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารของแต่ละประเทศที่บันทึกเรื่องราวเดียวกันจึงมีความขัดแย้งกันเสมอ ตัวอย่างที่ดีคือประวัติศาสตร์ระหว่างไทยกับพม่า ที่แทบจะวางมวยกัน หลายครั้งที่ชนะกลายเป็นแพ้ และหลายครั้งที่แพ้ก็แก้เกี้ยวว่าเป็นเล่ห์กระเท่ของผู้ชนะ ดิสเครดิตเขาถึงขนาดนั้นก็มี
ผมจึงนั่งชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยความทึ่งในระบบสังคมของเยอรมนีในปัจจุบัน เราต่างทราบประวัติศาสตร์ของเขาดี (ส่วนใหญ่ก็จากการดูหนัง) ว่า ระบอบนาซีที่คนเขาด่าประณามกันนักหนาว่าเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและโหดร้ายทารุณเหลือที่จะกล่าวนั้น ความจริงก็มาจากการเลือกตั้งโดยแท้ ฮิตเลอร์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา ไม่ได้ยึดอำนาจมาจากใครที่ไหนเลย
จนภายหลังเมื่อฮิตเลอร์นำนโยบายที่คนเยอรมันชื่นชอบไปเป็นนโยบายต่างประเทศ ถึงขั้นรุกรานยุโรปเกือบทั้งทวีป เปิดสงครามโลกขึ้น และพ่ายแพ้ นั่นเองจึงเป็นเหตุให้เขากลายสภาพจาก “ท่านผู้นำ” มาเป็น “อาชญากรสงคราม”
แปลว่าตั้งแต่ต้นจนอวสาน คนเยอรมันส่วนใหญ่ในขณะนั้นเอาด้วยกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นะครับ
แล้วมาวันนี้จะรู้สึกกันอย่างไรก็ไม่ทราบได้ เมื่อภาพยนตร์อย่าง Downfall ฉีกกระชากความภาคภูมิใจนี้ออกเป็นชิ้นๆ ทำให้ฮิตเลอร์กลายเป็นคนบ้าเสียสติ บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์กลายเป็นสาวกของซาตาน ฯลฯ ซึ่งเป็นภาพที่ศัตรูวาดให้กับเยอรมันมานานในภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่นี่คือลูกหลานเยอรมันเองเป็นผู้วาดภาพ และเป็นภาพที่เหมือนจริงจนเจ็บปวดเสียด้วย
ใครจะนึกอย่างไรก็ตาม ผมดูภาพยนตร์เรื่องจบด้วยความรันทดใจในโศกนาฏกรรมที่ “สิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่าคน” (ศัพท์ของ วินทร์ เลียววาริณ) สร้างให้กับตนเองจนต้องตกในห้วงทุกข์ตลอดชีวิตจริงๆ ถ้าขาดปัญญาอันเกิดจากธรรมะ ก็จะดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นนรกนรกานต์
แต่ประวัติศาสตร์ที่เขาชำระด้วยตัวเขาเองอย่างนี้ ส่งผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ ปัจจุบันคนเยอรมันไม่ได้ถูกผูกกับบาปของฮิตเลอร์และนาซีอีกต่อไปแล้ว เพราะเขาทำหนังและงานศิลป์อย่างนี้ออกมาเป็นการระบายถ่ายทอดความผิดบาปในหัวใจ ยอมรับสภาพและความเป็นจริง จากนั้นก็เดินสู่อนาคตอย่างคนที่ได้รับบทเรียน
บางทีวิบากกรรมของไทยในขณะนี้อาจจะเกิดจากการที่เราไม่เคยชำระประวัติศาสตร์และยอมรับความจริงอะไรเลยก็เป็นได้ คนโกหกจึงได้เกลื่อนเมืองอย่างไม่น่าเชื่อ.

เกาหลีใต้ทิ้งไทย10ปี!

เกาหลีใต้ทิ้งไทย10ปี!
โดย บท บ.ก. [20-11-2007]
อุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ หรือที่เรียกว่า Creative Industry ซึ่งคำนี้มีความหมายครอบคลุมในหลายกลุ่มธุรกิจเช่น ธุรกิจโฆษณา (วันนี้ต่างชาติครอบครองส่วนแบ่งตลาดไปเกือบ 100%) แอนิเมชั่น ภาพยนต์ เกม กราฟิกดีไซน์ หรือสินค้าในกลุ่มทางวัฒนธรรม(ดนตรี ศิลป ท่องเที่ยว)

ถามว่า วันนี้สถานะและมูลค่าของธุรกิจที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์มีมูลค่าเท่าใด คำตอบชัดๆ คือ มีมูลค่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ ภาพยนต์ หรือผ้าทอ ในขณะที่ตลาดรองรับสินค้าของ Creative Industry ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศที่มีกำลังซื้อสูง และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกๆปี
ซึ่งมูลค่าในการนำเข้าสินค้าในกลุ่มนี้ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 40,421 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1994 เป็น 63,668 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2002 และประเทศที่นำเข้าสินค้ามากที่สุด 5 อันดับแรก รวมแล้วมีมูลค่ามากกว่า 50% ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดของโลกคือ สหรัฐอเมริกา มาเป็นอันดับที่ 1 รองลงมาคือ อังกฤษ เยอรมนี แคนาดา และฝรั่งเศส
คำถามที่น่าสนใจคือ ทำอย่างไรประเทศไทยจึงจะผลักดินสินค้าเชิงสร้างสรรค์สู่เวทีการค้าโลก และสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดได้เพิ่มมากขึ้น...?
เรื่องนี้มีคำตอบ และเป็นคำตอบที่ไม่สร้างสรรค์เท่าใดนักเพราะ ในเรื่อง Creative Industry ของไทยวันนี้มองแล้ว เท่ากับว่า เพิ่งจะเริ่มตั้งไข่ และในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯฉบับที่ 10 (2550-2554) ก็ไม่ได้บรรจุเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า มีเป้าหมายอย่างไร และในเรื่องนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ดร.อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รองเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ซึ่งท่านวิเคราะห์ไว้อย่างนี้
“อุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ หากเทียบกับเกาหลีใต้ เราถูกทิ้งไปอย่างน้อย 10 ปีเพราะ การจะผลักดันเรื่องนี้ ขึ้นกับทางการเมืองด้วยว่า ผู้บริหารประเทศให้ความสำคัญในเรื่องนี้แค่ไหน และใครจะเป็นเจ้าภาพที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนเพราะ วันนี้มีไม่น้อยกว่า 15 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และต่างคนต่างทำ จึงทำให้การพัฒนาไม่สามารถเดินไปได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟู วิจัยพัฒนา การตลาด และบุคลากร”
ดร.อาคมยังทิ้งท้ายไว้ว่า ในส่วนตัวน่าจะตั้ง “องค์กรพิเศษ” ขึ้นมาเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบในเรื่องนี้ และมีเป้าหมายชัดเจนว่า ในอีก 5 ปีหรือ 10 ปีข้างหน้า เราอยากเป็นภาพอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ของไทยอย่างไร เพราะ การทำเรื่องนี้ ไม่ใช่จะทำได้ทันทีเพราะ ต้องทำวิจัย และพัฒนาหลายปี กว่าจะคลอด Action Plan ออกมาได้ อย่างเช่น เกาหลีใต้วันนี้ที่เติบโตเร็วมาก และส่งสินค้าวัฒนธรรมออกมาตีตลาดโลก เขาคิดกันมาเป็นสิบปี กว่าจะส่งผลเป็นเม็ดเงินที่กอบโกยเข้าประเทศได้ในขณะนี้
กระบวนการคิดและผลักดัน Creative Industry มีความสำคัญมากเพราะ เป็นการขับเคลื่อนด้วยสมอง ที่สามารถสร้าง “มูลค่าเพิ่ม”ได้ อย่างเช่น สตีฟ จ็อบส์ ผลิตไอโฟนขายดีทั่วโลกจำนวนหลายล้านเครื่อง ชิ้นส่วน และ การผลิตอยู่ในประเทศจีน โดยสตีฟเป็นเพียงคนคิด และควบคุม ที่สำคัญคือ สามารถกินส่วนต่างการการตลาดได้มากที่สุดด้วย
ประเทศไทยวันนี้ยังอยู่ใน “ขั้นเริ่มต้น” และยังไม่รู้ด้วยว่า รัฐและเอกชนจะเดินไปทิศทางไหนเพราะ การผลักดันจะต้องดูตั้งแต่ต้นนำถึงปลายน้ำ และมองอย่างบูรณาการแบบครงวงจร เหมือนเช่น ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ โดยตั้งเป็นองค์พิเศษขึ้นมาดูแลเป็นการเฉพาะ และเป็น “มันสมอง” ที่คอยคิดว่า จะสร้าง content และต่อยอดได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นด้านภาพยนต์ เกม แอนนิเมชั่น ดนตรี และศิลปะ
รายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับ Creative Industry ติดตามได้จาก Cover Story ฉบับนี้ได้!

ส่วนแบ่งทางการตลาดที่แท้จริง

ส่วนแบ่งทางการตลาดที่แท้จริง
โดย ดร.พงษ์ศักดิ์ สวัสดิเกียรติ อาจารย์พิเศษโครงการปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ ม.เกษตรศาสตร์ [8-1-2008]
ปีใหม่ที่มาถึงนี้ทุกคนก็คงทราบดีว่าภาวะเศรษฐกิจไทยคงมีความลำบากพอสมควร แต่จะถึงกับล้มหายตายจากไปหรือไม่ก็คงจะไม่ถึงขั้นนั้น เพราะว่าเราผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายในปี 2540 มาแล้ว คงจะเป็นบทเรียนให้เราได้ตระหนักในการวางแผนเศรษฐกิจ ตลอดจนการดำรงชีพของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี

พอมาอ่านข่าวว่าเศรษฐกิจประเทศไทยโตน้อยที่สุดในอาเซียน แพ้แม้กระทั่งลาว เขมร และพม่า ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ไม่มีความสามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งๆที่เรามีพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าสามประเทศข้างต้น
ก็คงได้แต่คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่คงมีทิศทางในการบริหารประเทศได้ชัดเจนขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ (ถ้าประเทศไม่วุ่นวายหรือนองเลือดไปเสียก่อน) ในการการวางแผนสำหรับองค์กรธุรกิจนั้นมักจะวางเป้าหมายที่ยอดขาย กำไร หรือส่วนแบ่งทางการตลาด หรือทั้งสามตัวรวมกันซึ่งก็ขอตั้งข้อสังเกตซึ่งอาจจะเป็นจุดอ่อนที่ควรแก้ไขสำหรับองค์กรที่ตั้งเป้าหมายแค่ “ส่วนแบ่งทางการตลาด” เพราะอาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ขององค์กรธุรกิจได้ทั้งหมด
ทั้งนี้เพราะหากต้องการส่วนแบ่งทางการตลาดแต่เพียงอย่างเดียวนั้น เราทำได้ง่ายนิดเดียวเช่นการแจกซิมฟรี หรือขายราคาถูกมากๆ เราก็สามารถมีส่วนแบ่งทางการตลาดในแง่ผู้ใช้บริการได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ต้องมองต่อไปว่าจะทำให้ซิมเหล่านั้นก่อเกิดเป็นรายได้ และผลกำไรในที่สุดได้หรือไม่
จากตัวเลขจะเห็นได้ชัดว่าค่ายมือถืออันดับหนึ่งมีส่วนแบ่งจากจำนวนซิม 49.5 % แต่มีส่วนแบ่งรายได้ถึง 51.3% ในขณะที่อันดับสามส่วนแบ่งตลาดจากซิมมีถึง 19.1% แต่ส่วนแบ่งรายได้กลับเหลือแค่ 14.44% เท่านั้น แสดงว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของซิมไม่ใช่คำตอบสุดท้ายว่าได้ชัยชนะ
เราจะต้องมาดูถึงรายได้และที่สำคัญต้องดูบรรทัดสุดท้าย(BOTTOM LINE) คือผลกำไรที่เกิดขึ้นว่ามีมากน้อยเพียงไรเพราะบางองค์กรยอดขายมากแต่กำไรน้อยกว่าอีกองค์กรหนึ่งก็ได้ และต้องดูให้ลึกไปถึงว่าผลกำไรเมื่อเทียบกับเงินลงทุนทั้งหมดแล้วเป็นกี่เปอร์เซนต์ก็จะได้ดูให้เห็นถึงประสิทธิภาพขององค์กรอย่างแท้จริง ดังนั้นอย่าหลงระเริงกับส่วนแบ่งทางการตลาดแต่เพียงอย่างเดียวนะครับ
หรืออีกตัวอย่างหนึ่งหากผมถามท่านเล่นๆ ว่าสบู่ยี่ห้อใดครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งในส่วนสบู่ก้อน ส่วนใหญ่คงตอบได้ว่าลักส์ แต่ถ้าถามว่าอันดับสองยี่ห้ออะไรคงนึกไม่ถึงว่าเป็นนกแก้ว ที่ผมถามเฉพาะสบู่ก้อนเพราะในส่วนของสบู่แบ่งตามรูปลักษณ์ได้สองลักษณะคือสบู่เหลวกับสบู่ก้อนซึ่งสบู่เหลวปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 35.3% และนับวันจะเติบโตขึ้นเป็นลำดับ
แน่นอนหากรวมทั้งสองส่วน “นกแก้ว”อันดับคงตกลงมาอย่างแน่นอน เฉพาะสบู่ก้อน ลักส์ครองส่วนแบ่งตลาด 26.7 % ในขณะที่นกแก้ว 12.5 % แล้วลองคิดดูนะครับว่าใครจะทำกำไรได้มากกว่ากันในขณะที่นกแก้วมีส่วนแบ่งตลาดเกือบเป็นครึ่งหนึ่งของลักส์ และลักส์ต้องมีงบทางการตลาดที่สูงมากๆโดยจะสังเกตได้จากจำนวนโฆษณา แล้วเราเห็นโฆษณานกแก้วบ่อยแค่ไหนครับ ซึ่งยอดขายที่ได้มาเพราะนกแก้วมีแฟนพันธุ์แท้อยู่ในต่างจังหวัดซึ่งมีประชากรมากว่า 40 ล้านคน
แต่คำถามสำหรับนกแก้วว่าจะรักษาระดับได้อย่างไรเพราะผู้บริโภครุ่นเก่ากำลังจะล้มหายตายจากไป จะแสวงหาลูกค้ารุ่นใหม่ได้อย่างไร ก็พอดีไปเห็นโฆษณา นกแก้วกลิ่นมะลิ และกลิ่นจำปี ออกมาสู่ท้องตลาด ก็พอจะอนุมานได้ว่านกแก้วคงไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่พร้อมปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เหมือนอย่างตอนไอเอ็มเอฟนกแก้วก็ออกมาตอกย้ำความเป็นไทย และออกแพรอทโกลด์ออกมาจับลูกค้ากลุ่มที่อยู่ในเมืองรวมทั้งออกสบู่เหลวด้วยแต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก ก็เลยต้องกลับไปหาและรักษาลูกค้ากลุ่มเดิมคือ คนต่างจังหวัดต่อไป

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2551

การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด

1. ความหมายของการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดการพัฒนา หมายถึง การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงเหมาะสมกับสถานะการณ์ การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดจึงเป็นการศึกษาเพื่อให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพราะว่าความมั่นคงจะมีความสำคัญมากของธุรกิจกลางหรือเล็กในการพัฒนากลยุทธ์กาตลาด ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนทัศนคติในการมองเรื่องต่าง ๆ และต้องให้ความสำคัญกับข้อมูล ต้องประเมิณสถานการณ์อย่างถูกต้องและเป็นธรรม การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดจะประกอบด้วย 2 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ ตลาดและผลิตภัณฑ์2. มุมมองด้านตลาดตลาดเก่า หมายความว่า ลักษณะของลูกค้าเดิม ๆ ซึ่งก็จะเป็นลูกค้าประจำ หรือว่าจะเป็นลูกค้าขาจรที่ผ่นมาแล้วก็ผ่านไปตลาดใหม่ หมายความว่า ลูกค้าใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าที่ผ่านเข้าก็จะความหลากหลายไปด้วย3. มุมมองด้านผลิตภัณฑ์มี 2 ประเภทด้วยกันผลิตภัณฑ์เก่า คือ สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เราเคยขายก่อน ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ สินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยมีมาก่อน และ เมื่อประเมินสถานการณ์เราสามารถนำเอา 2 ปัจจัยมาผสมกันแล้วจะได้เป็นคู่ ๆคู่ที่ 1 คือ ตลาดเก่า ผลิตภัณฑ์เก่าคู่ที่ 2 คือ ตลาดเก่า ผลิตภัณฑ์ใหม่คู่ที่ 3 คือ ตลาดใหม่ ผลิตภัณฑ์เก่าคู่ที่ 4 คือ ตลาดใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่คู่ที่ 5 คือ การผสมผสานแต่ละคู่มารวมกัน4. การพัฒนากลยุทธ์การตลาด มี 5 ตัวหลัก ๆ ที่จะต้องคำนึงถึง1. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย2. ผลิตภัณฑ์ คือ สินค้าและการบริการ3. กลยุทธ์ราคา4. กลยุทธ์การจัดจำหน่าย5. กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด
การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแผนทางการตลาดการวางแผนทางการตลาดต้องมีการเก็บข้อมูลเพื่อที่จะใช้เป็นกำหนดทิศทางและการตัดสินใจว่ากิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ที่จะใช้ในการแข่งขันควรมีอะไรบ้าง ดังนั้น ข้อมูลทางการตลาดที่ได้มีการเก็บรวบรวมมาจึงจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนในการวิเคราะห์และประมวณผลเพื่อใช้ในการตัดสินใจได้ การวิเคราะห์เชิงปริมาณและคุณภาพการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดมี 2 ประเภทสำคัญใหญ่ ๆ คือ การวิเคราะห์เชิงปริมาณ และการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ โดยทั่วไปการวิเคราะห์เชิงปริมาณจะใช้เครื่องมือตัววัดในทางสถิติ ในขณะที่การวิเคราะห์เชิงคุณภาพจะใช้ประเด็ดเป็นเครื่องมือในการวัด เพื่อให้เกิดความเข้าใจในประเด็นหรือข้อมูลที่ยังขาดความชัดเจนการวิเคราะห์ในเชิงการทดสอบสมมุติฐานการวิเคราะห์และทดสอบในทางสมมุติฐาน โดยทั่วไปจะเป็นการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่ได้จากข้อมูลจากการสำรวจ และมักใช้ค่าสถิติในการวิเคราะห์และตีความ ซึ่งมักจะให้ความสนใจต่อนัยสำคัญทางสถิติว่ามีหรือไม่ มากน้อยอย่างไร หรือว่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน การวิเคราะห์ประเภทนี้มักจะใช้ค่าเฉลี่ย ค่าสถิติอื่น ๆที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ก็สรุปง่าย ๆ ก็คือ ส่วนใหญ่จะเป็นการหาค่าความสัมพันธ์หรือความแตกต่างกันระหว่างตัวแปร เพื่อนำผลไปวิเคราะห์ไปใช้ในการวางแผนทางการตลาดการวิเคราะห์ในเชิงการทดสอบสมมุติฐานการวิเคราะห์ในเชิงการทดสอบสมมุติฐาน โดยทั่วไปจะเป็นการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่ได้จากข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ และมักจะใช้ค่าสถิติในการวิเคราะห์และตีความ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีความแตกต่างกัน ผู้ใช้ข้อมูลในการตลาดก็จะนำเอาข้อมูลนี้ไปวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจหรือการวางแผนทางการตลาดเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและมีความชัดเจนมากขึ้นการวิเคราะห์เชิงสรุปประเด็นการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์เชิงคุณภาพเป็นการวิเคราะห์และสรุปเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ในเชิงลึก เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ทางการตลาดนั้น ๆ มากขึ้น หากแต่ว่าข้อมูลเชิงคุณภาพอาจสามารถประมวลความคิดเห็นและสรุปได้ลึกซึ่งกว่า ดังนั้นการวางแผนทางการตลาดที่ดีควรมีการประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดที่ครอบคลุมและหลากหลายของข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้ข้อมูลทางการตลาดที่นับวันจะมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ

ปลุกพลังใจ ในการทำงาน

ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า "คนที่ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วอยากไปทำงานคือคนโชคดี" อาจเป็นจริงก็ได้ เพราะบางคนกำลังรู้สึกแย่กับที่ทำงานเต็มที...เชื่อว่าเมี่อครั้งที่เริ่มทำงานใหม่ๆคุณคงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีทุกวัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป จู่ๆ เช้าวันหนึ่งคุณกลับรู้สึกช็อตไปชะดื้อๆ ความรู้สึกเบื่อหน่ายท้อแท้ วุ่นวายสับสน เข้ามาแทนที่ อย่าปล่อยให้คุณค่าในตัวคุณถูกกร่อนทำลายลงเรื่อยๆ ลุกขึ้นปลุกพลัง ความเชี่อมั่น ให้กลับมาอีกครั้งด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ต้องอาศัยเรื่องมือใดๆนอกเสียจาก "ใจ" ของคุณเองมาเริ่มต้นทำความสุขให้เกิดในงานที่ทำกันดีกว่า...- หมั่นกระตุ้นตัวเอง ทบทวนความรู้สึกตื่นเต้น ท้าทาย เมื่อแรกเริ่มเข้ามาทำงาน จากนั้นลองหาสาเหตุให้ตัวเองสัก 10 ข้อ ว่างานที่กำลังทำอยู่มีความสำคัญเพียงใด เขียนเหตุผลเหล่านั้นใส่กระดาษโน้ตติดไว้ในทุกหนทุกแห่งที่มองเห็น ทุกครั้งที่ล้า หรือเบื่อหน่ายสละเวลาเล็กน้อยอ่านเหตุผลเหล่านั้น ความกระปรี้กระเปร่าจะกลับคืน มาอีกครั้ง- เติมความสดชื่นให้ตัวเองเสมอ ว่างแก้วใบโปรดใส่น้ำดื่มบริสุทธิ์ไว้ไกล้มือระหว่างทำงาน เพื่อคุณสามารถดื่มน้ำได้ วันละ8 แก้ว แทนการดื่มกาแฟ น้ำอัดลมหรือการสูบบุหรี่ ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายแถมยังบั่นทอนสุขภาพคุณอีกต่างหาก- ยืดเส้นยืดสายบ้างระหว่างทำงาน คุณสามารถออกกำลังกายง่ายๆ ในเวลาทำงานการเดินไปส่งเอกสารตามโต๊ะต่างๆด้วยตัวเอง นอกจากจะช่วยให้คุณกระฉับกระเฉงตลอดเวลาแล้ว ยังทำให้คุณสร้างความสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานได้มากขึ้น- ทำงานตามความถนัดความยาก-ง่ายจัดสำดับความสำคัญของการทำงานที่จะต้องทำในแต่ละวัน เลือกงานได้มากขึ้นทำเป็นอับดับแรก เพราะคุณต้องใช้สมาธิมากกว่าปกติ เมื่อทำงานไปตามลำดับที่จัดไว้ จะช่วยให้คุณสะสางงานที่คั่งค้างในแต่ละวันลงได้ เพื่อมีเวลาเหลือสำหรับทำงานง่าย หรือใช้เวลาไม่มากนัก ไม่ลืมให้ของขวัญแก่ตัวเอง เมื่อทำงานเสร็จทันเวลา หรือจัดการแก้ปัญหาให้ผ่านไปด้วยดี- คุณควรให้รางวัลตัวเองบ้างเพื่อสร้างความรู้สึกดีๆ อาจเป็นขนมโปรดเจ้าอร่อย ดอกไม้สวยๆสักดอกปักในแจกัน หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้คุณสดชื่น พร้อมกลัมมาเผชีญกับงาน ชิ้นต่อไปได้อย่างเต็มที่- อย่าหอบงานกลับไปทำที่บ้าน เพราะไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าคุณทำได้อย่างเต็มที่ ตั้งใจทั้งยังแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังล้มเหลวกับการบริหารเวลา ควรปล่อยให้บ้านเป็นสถานที่แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง เพื่อคุณจะได้มีพลังทำงานในวันรุ่งขึ้นอย่างเต็มที่ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักเรียกร้องสิทธิมนุษชนชาวอเมริกัน เคยกล่าวไว้ว่า"คุณค่าสูงสุดของมนุษไม่ได้อยู่ ณ จุดที่เขายืนในช่วงเวลาที่สะดวกสบายแต่อย่างใด หากอยู่ตรงจุดที่เขายืน ณ ช่วงเวลาแห่งความท้าทายและขัดแย้ง"

ที่มา : สสส.

การตลาด p-4

การวางแผนการตลาดโดยใช้ 4P กลยุทธ์ทางการตลาดนั้นมีอยู่มากมาย แต่ที่เป็นที่รู้จัก และเป็นพื้นฐานที่สุดก็คือการ ใช้ 4P (Product Price Place Promotion) ซึ่งหลักการใช้คือการวางแผนในแต่ละส่วนให้เข้ากัน และเป็นที่ต้องการของกลุ่ม เป้าหมายที่เราเลือกเอาไว้ให้มากที่สุด ในบางธุรกิจอาจจะไม่สามารถปรับเปลี่ยน ทั้ง 4P ได้ทั้งหมดในระยะสั้นก็ไม่เป็นไรเพราะ เรา สามารถ ค่อยๆปรับกลยุทธ์จนได้ ส่วนผสมทางการตลาดได้เหมาะสมที่สุด ( 4P อาจจะเรียกว่า marketing mix) เราลองมา ดูกันทีละส่วน
1. Productก็คือสินค้าหรือบริการที่เราจะเสนอให้กับลูกค้า แนวทางการกำหนดตัว product ให้เหมาะสมก็ต้องดูว่ากลุ่มเป้า หมายต้องการอะไร เช่นต้องการน้ำผลไม้ที่ สะอาด สด ในบรรจุภัณฑ์ถือสะดวก โดยไม่สนรสชาติ เราก็ต้องทำตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่ใช่ว่าเราชอบหวานก็จะพยายามใส่น้ำตาลเข้าไป แต่โดยทั่วไปแนวทางที่จะทำสินค้าให้ขายได้มีอยู่สองอย่างคือ1.1 สินค้าที่มีความแตกต่าง โดยการสร้างความแตกต่างนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้จริงว่าต่างกันและ ลูกค้าตระหนักและชอบในแนวทางนี้ เช่นคุณสมบัติพิเศษ รูปลักษณ์ การใช้งาน ความปลอดภัย ความคงทนโดยกลุ่มลูก ค้าที่เราจะจับก็จะเป็นลูกค้าที่ไม่มีการแข่งขันมาก (niche market)1.2 สินค้าที่มีราคาต่ำนั่นคือการยอมลดคุณภาพในบางด้านที่ไม่สำคัญลงไป เช่นสินค้าที่ผลิตจากจีน จะมีคุณภาพไม่ดี นักพอใช้งานได้ แต่ถูกมากๆหรือ สินค้าที่เลียนแบบแบรนด์ดังๆ ในซุปเปอร์สโตรต่างๆ จริงๆแล้วสำหรับนักธุรกิจมือ ใหม่ควรเลือกในแนวทาง สร้างความแตกต่างมากกว่า การเป็นสินค้าราคาถูกเพราะ หากเป็นด้านการผลิตแล้วรายใหญ่ จะมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่ารายย่อย แต่หากเป็นด้านบริการ เราอาจจะเริ่มต้นที่ราคาถูกก่อน แล้วค่อยๆ หาตลาดที่ราย ใหญ่ไม่สนใจ2. Priceราคาเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญในการตลาด แต่ไม่ใช่ว่า คิดอะไรไม่ออกก็ลดราคาอย่างเดียวเพราะการลดราคาสินค้า อาจจะไม่ได้ช่วยให้การขายดีขึ้นได้ หากปัญหาอื่นๆยังไม่ได้รับการแก้ไข การตั้งราคาในที่นี้จะเป็นการตั้งราคาให้เหมาะสมกับ ผลิตภัณฑ์ และกลุ่มเป้าหมายของเรา เช่นหากเราขายน้ำผลไม้ที่จตุจักร ราคาอาจจะต้องถูกหน่อย แต่หากขายที่สยาม หากตั้ง ราคาถูกไปเช่น 10 บาท กลุ่มที่เป็นเป้าหมายอยากให้ซื้ออาจจะไม่ซื้อ แต่คนที่ซื้ออาจจะเป็นคนอีกกลุ่มซึ่งมีน้อยกว่า และไม่คุ้ม ที่จะขายแบบนี้ในสยาม ยิ่งไปกว่านั้นหากราคา และรูปลักษณ์สินค้าไม่เข้ากัน ลูกค้าก็จะเกิดความข้องใจและอาจจะกังวลที่จะซื้อ เพราะราคาคือตัวบ่งบอกภาพลักษณ์ของสินค้าที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม ในด้านการทำธุรกิจขนาดย่อมแล้ว ราคาที่เราต้องการ อาจไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น แต่จะมองกันในเรื่องของตัวเลข ซึ่งจะมีวิธีกำหนดราคาง่ายต่างๆดังนี้ 2.1 กำหนดราคาตามลูกค้า คือการกำหนดราคาตามที่เราคิดว่า ลูกค้าจะเต็มใจจ่าย ซึ่งอาจจะได้มาจากการทำสำรวจ หรือแบบสอบถาม2.2 กำหนดราคาตามตลาด คือการกำหนดราคาตามคู่แข่งในตลาด ซึ่งอาจจะต่ำมากจนเราจะมีกำไรน้อยดังนั้นหาก เรา คิด ที่จะกำหนดราคาตามตลาด เราอาจจะต้องมานั่งคิดคำนวณย้อนกลับว่า ต้นทุนสินค้าควร เป็นเท่าไรเพื่อจะได้กำ ไร ตามที่ตั้งเป้า แล้วมาหาทางลดต้นทุนลง2.3 กำหนดราคาตามต้นทุน+กำไร วิธีนี้เป็นการคำนวณว่าต้นทุนของเราอยู่ที่เท่าใด แล้วบวกค่าขนส่ง ค่าแรงของเรา บวกกำไร จึงได้มาซึ่งราคา แต่หากราคาที่ได้มาสูงมาก เราอาจจำเป็นต้องมีการทำประชาสัมพันธ์ หรือปรับภาพลักษณ์ ให้เข้ากับราคานั้น
3. Placeคือวิธีการนำสินค้าไปสู่มือของลูกค้า หากเป็นสินค้าที่จะขายไปหลายๆแห่ง วิธีการขายหรือการกระจายสินค้าจะมีความ สำคัญมาก หลักของการเลือกวิธีกระจายสินค้านั้นไม่ใช่ขายให้มากสถานที่ที่สุดจะดีเสมอ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า สินค้าของท่านคือ อะไร และกลุ่มเป้าหมายท่านคือใคร เช่นของใช้ในระดับบน ควรจะจำกัดการขายไม่ให้มีมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เสียภาพ ลักษณ์ได้สิ่งที่เราควรจะคำนึงอีกอย่างของวิธีการกระจายสินค้าคือต้นทุนการกระจายสินค้า เช่นการขายสินค้าใน 7-eleven อาจจะ กระจายได้ทั่วถึง แต่อาจจะมีต้นทุนที่สูงกว่า หากจะกล่าวถึงธุรกิจที่เป็นการขายหน้าร้าน Place ในที่นี้ก็คือ ทำเล ซึ่งก็ควรเลือกที่ ให้เหมาะสมกับสินค้าของเราเช่นกัน อย่าง มาบุญครองกับ สยามเซ็นเตอร์ จะมีกลุ่มคนเดินที่ต่างออกไปและลักษณะสินค้าและ ราคาก็ไม่เหมือนกันด้วยทั้งๆที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ท่านควรขายที่ใดก็ต้องพิจารณาตามลักษณะสินค้า 4. Promotionคือการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อบอกลูกค้าถึงลักษณะสินค้าของเรา เช่นโฆษณาในสื่อต่างๆ หรือการทำกิจกรรม ที่ทำให้คนมาซื้อสินค้าของเรา เช่นการทำการลดราคาประจำปี หากจะพูดในแง่ของธุรกิจขนาดย่อม การโฆษณาอาจจะเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็นเพราะจะต้องใช้เงิน จะมากหรือน้อยก็ ขึ้นกับ ช่องทางที่เราจะใช้ ที่จะดีและอาจจะฟรีคือ สื่ออินเตอร์เนต ซึ่งมีผู้ใช้เพิ่มจำนวนขึ้นมากในแต่ละปี สื่ออื่นๆที่ถูกๆ ก็จะเป็นพวก ใบปลิว โปสเตอร์ หากเป็นสื่อท้องถิ่นก็จะมี รถแห่ วิทยุท้องถิ่น หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น วิธีในการเลือกสื่อนอกจากจะดูเรื่องค่าใช้จ่าย แล้วควรดูเรื่องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่นหากจะโฆษณาให้กลุ่มผู้ใหญ่ โดยเลือกสื่ออินเตอร์เนต(เพราะฟรี) ก็อาจจะเลือก เวบไซต์ที่ผู้ใหญ่เล่น ไม่ใช้เวบที่วัยรุ่นเข้ามาคุยกัน เป็นต้น

เส้นทางใหม่สู่ความมั่งคั่ง

โลกที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างรวดเร็วเกินจะตามทัน ถ้าใครสักคนคิดอยากจะรวย ควรจะทำอย่างไร? ลืมเส้นทางเศรษฐี ที่เราเคยศึกษากันมา ในช่วงไม่เกิน 20 ปีก่อนหน้านี้ แล้วหันมาให้เรียนรู้ วิถีใหม่สู่ความมั่งคั่งกันดีกว่าแกรี ฮาเมล กูรูการจัดการรุ่นใหม่ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องของกลยุทธ์การใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการทำธุรกิจ เขียนหนังสือชื่อว่า Creativity, Innovation and Renewal มีเนื้อหาน่าสนใจตอนหนึ่งว่าด้วยเรื่อง Innovation : The New Rout to New Wealth โดยยกอ้างคำถามที่หาคำตอบได้ไม่ง่ายนักว่า เราจะหาความมั่งคั่งได้จากที่ไหน?สำหรับนักธุรกิจและนักบริหารความมั่งคั่งในที่นี้ ย่อมหมายถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรที่คุณทำงานอยู่ แน่ล่ะว่าการวัดความร่ำรวย ขององค์กรด้วยตัวเลข ทางบัญชีสวยหรูทั้งยอดขาย กำไร และราคาหุ้น เป็นเพียงความสำเร็จ ชั่วครั้งชั่งคราวเท่านั้น เพราะคุณยังต้องกระหืดกระหอบ รักษาอัตราเติบโตและขยายตัวเช่นนี้เอาไว้ ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ในเชิงการตลาดและกลยุทธ์ทว่า ตอนนี้เราไม่ได้กำลังพูดถึงการรักษาหรือเพิ่มส่วนแบ่งตลาดที่เรามีอยู่ ไม่ได้พูดถึงความใหญ่โต ของสินทรัพย์ ที่อาจได้มาจาก การควบรวมกิจการ แต่กำลังพูดถึงการสร้างความมั่งคั่งในวิถีใหม่ที่ยั่งยืนกว่าเก่า นั่นก็คือ รายได้ที่จะมาจากลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ซื้อสินค้า และบริการนวัตกรรม ในที่นี้หมายถึงสินค้าและบริการ ที่ลูกค้าไม่เคยรู้จักมาก่อน และได้กลายเป็นความจำเป็น ในชีวิตที่ขาดไม่ได้การจะทำเช่นนี้ได้ อาจหมายถึงองค์กรนั้นต้องสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ขึ้นมา เพื่อก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ แล้วต่อยอดออกไป เป็นการผลิตสินค้า และบริการนวัตกรรมชนิดที่ไม่เคย เกิดขึ้นมาก่อน อาจจะตั้งอยู่บนพื้นฐาน ของเทคโนโลยี หรือรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้าก็ได้ รูปแบบธุรกิจใหม่นี่ล่ะที่จะเป็น ตัวสร้างความมั่งคั่ง ให้กับองค์กรอย่างต่อเนื่องยาวนานสาระในช่วงนี้จากหนังสือยังคงยกตัวอย่างสินค้า นวัตกรรมที่รู้จักกันดีตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน และยังเป็นที่นิยมอยู่นั่นคือ วอร์กแมนของโซนี่ รถมินิแวนของไครสเลอร์ และ BBC สถานีข่าว 24 ชั่วโมง แน่นอนว่ามีน้อยครั้ง ที่ใครจะจุดประกาย ความคิด แล้วสร้างสรรค์ออกมาเป็นสินค้า นวัตกรรมได้ แต่ก็มีมากครั้งที่ความพยายามของเรา ประสบผลสำเร็จ แกรี่ ฮาเมลย้ำชัดๆ ว่า ไม่มีใครแก่เกินกว่า จะคิดสิ่งใหม่ได้ และเราสามารถพบความคิดสร้างสรรค์ เพื่อนวัตกรรมได้ในทุกองคา พยพขององค์กรที่เราทำงานอยู่ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้องค์กรสามารถสนับสนุนให้เกิดการทำงานอย่างสร้างสรรค์ และกระตุ้นให้ทุกคน ได้คิดอะไรใหม่ๆ คงต้องย้ำว่าผู้นำองค์กรนั่นแหละ ต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการเปลี่ยนมุมมอง และระบบความคิด ของผู้ใต้บังคับ จะเรียกว่าเปลี่ยนกลยุทธ์ การทำงานก็คงไม่ผิดนักแล้วเชื่อเถอะว่าคุณสามารถหานวัตกรรม จากความคิดของพนักงานทุกระดับของคุณ ได้เพียงแต่คุณเปิดโอกาสให้พวกเขา ได้แสดงมันออกมาเท่านั้น โอกาสใหม่ทางธุรกิจบางครั้งก็ลอยอยู่เหนือหัว คุณนั่นเอง อยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะคว้าไว้ หรือปล่อย ให้มันล่องลอยต่อไปที่มา : นิตยสาร MBA

แหล่งทุน

มีผู้ประกอบการท่านหนึ่งเคยบอกผมว่า “เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องไม่มีเงินถึงจะเป็นเรื่องใหญ่” ซึ่งก็น่าจะเป็นสัจจธรรมข้อหนึ่งในการทำธุรกิจ ผมเชื่อว่ามี SMEs ที่มีปัญหาทั้งในด้านการหาเงินและการบริหารเงินอยู่ไม่น้อย เริ่มตั้งแต่ช่วงที่คิดและมีความใฝ่ฝันจะเป็นเถ้าแก่แต่ขาดเรื่องเงินลงทุนเริ่มต้น ไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากไหนก่อนดีกว่าครับ จะว่าไปแล้วเงินลงทุนสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กมาจากแหล่งต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. เงินเก็บ-เงินสะสมของครอบครัวผู้ประกอบการ ถ้าเริ่มต้นจากตรงนี้ก็ได้ง่าย ไม่ต้องง้อใคร อยากทำธุรกิจอะไร ต้องซื้อ-เช่าตึกแถว อุปกรณ์สินค้า ตกแต่งร้านหรือจ้างพนักงานก็ทำได้ตามกำลังเงินของตัวเองที่มีอยู่ ถ้ามั่นใจว่าเราทำธุรกิจได้ดี เห็นโอกาสทางการตลาด คิดว่าไม่เจ๊งก็ลุยได้เลยผมถือว่าคนที่มีความคิดจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองควรต้องมีเงินทุนจากเงินเก็บของตนเองหรือครอบครัวอยู่ระดับหนึ่ง ถ้าไม่พอค่อยหาจากแหล่งอื่น ๆ ที่จะพูดต่อไป ถ้าทุนเริ่มต้นน้อยก็ยังไม่คิดการใหญ่ ทำธุรกิจเล็ก ๆ ใช้เงินทุนน้อย ๆ ก่อน ถ้าดีก็ค่อยกู้เงินมาขยายกิจการ ถ้าล้มเหลวก็เจ็บตัวไม่มากแค่เงินเก็บหมด ไม่ถึงขนาดต้องเป็นหนี้ แต่ถ้าคิดจะจับเสือมือเปล่าโดยหาแหล่งทุนจากภายนอกล้วน ๆ ไม่ลงเงินเองเลย ก็ต้องมีความสามารถเฉพาะตัวเป็นทุนเดิม เช่น เป็นพ่อครัวแม่ครัวที่มีฝีมือแล้วหาพรรคพวกมาลงทุนเปิดร้านอาหารให้ เราเป็นคนดูแลในครัวเป็นแบบหุ้นลมไม่ลงเงินแต่ลงแรงก็พอจะคบกันไปได้แต่มาแบบไอเดียล้วย ๆ จะไปขอเงินชาวบ้านมาลงทุนก็ยากหน่อย2. เงินจากเพื่อนฝูง – ญาติพี่น้อง กรณีไม่มีเงินเก็บหรือมีแล้วแต่ยังไม่พอที่พึ่งที่ดีที่สุดของเถ้าแก่หน้าใหม่ คือ เพื่อนฝูงและญาติพี่น้องซึ่งงานนี้จะได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่กรรมของแต่ละคนจริง ๆ เถ้าแก่หลายคนที่ผมรู้จักและทำธุรกิจประสบความสำเร็จก็ได้เงินเงินทุนเริ่มต้นมาจากภรรยา พ่อตา พี่ คุณตาคุณยาย ถ้าโชคดีทำบุญมามาก มีญาติพี่น้องรวยหรือภรรยารวยก็ไม่ต้องหันไปพึ่งธนาคารหรอกครับ หาญาติผู้ใหญ่ ขอยืมเงินมาลงทุนหรือชวนเขามาเข้าหุ้นกับเราได้เลย ดอกเบี้ยอาจไม่ต้องเสียหรือเสียต่ำกว่าธนาคาร แถมยังมีระยะปลอดหนี้ยาวนานกว่าด้วยแต่ถ้าเป็นพวกไร้ญาติ เพื่อนฝูงเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่พอจะเป็นไปได้ถ้าเครดิตเราดี ผมเองก็ถูกเพื่อน ๆ หลายคนชวนให้ไปเปิดบริษัทกับเขา ถ้าโครงการไหนน่าสนใจและเพื่อนฝูงที่ชวนดูมีเกียรติ เชื่อถือได้ก็ลงกับเขาไปบ้างเหมือนกัน บางทีบริษัทที่ไปลงทุนเริ่มก่อตั้งกับเขาเมื่อ 2-3 ปีก่อน ได้กำไรดีกว่าดอกเบี้ยธนาคารหลายเท่า แต่เพื่อนบางคนที่มาชวนให้ลงเงิน ผมดูโครงการแล้วดีแต่เสียตรงเพื่อนที่จะไปบริหารมีประวัติประเภทเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมดคือลงทุนทำธุรกิจอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จแถมยังมีหนั้สินค้างคา เจอแบบนี้ต่อให้ธุรกิจดีแค่ไหนก็ต้องขอหลบฉากไม่ลงทุน3. จากสถานบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันไม่ว่า SMEs Bank , ธนาคารกรุงไทย , ธนาคารออมสินและธนาคารไทยพาณิชย์เกือบทุกแห่งต่างสนใจปล่อนสินเชื่อ SMEs กันทั้งนั้น เพื่อระบายเงินฝากที่ล้นธนาคารแต่แน่นอนครับการเงินเอาเงินของผู้ฝากมาปล่อยกู้ ธนาคารก็ต้องการหลักประกันที่แน่ใจว่าจะได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยคืน เขาต้องขอหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น บ้าน ที่ดินหรือบุคคลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งขั้นตอนต่าง ๆ ก็ไม่ยุ่งยากนักถ้าเรามีหลักทรัพย์หรือบุคคลที่น่าเชื่อถือมาค้ำประกันเกินกว่าวงเงินกู้ แต่ SMEsที่บ่นว่ากู้ธนาคารลำบาก วุ่นวาย ส่วนหนึ่งเพราะหลักฐานไม่ครบหรือขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันมากกว่าก็เราไปกู้เงินเขานี่ครับ เขาไม่รู้จักเราต้องรอบคอบหน่อย ตรวจเอกสารนานหน่อย ลองคิดดูว่าขนาดญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงที่เรารู้จัก เขายังไม่ให้ยืมเลย และธนาคารไม่รู้จักเราเลยจะปล่อยกู้ง่าย ๆ แบบถอนเงินฝากได้อย่างไร4. จากผู้ผลิตหรือผู้ขายสินค้า ในกลุ่ม SMEs สายค้าส่งค้าปลีกหรือสายการผลิต เราต้องขอเครดิตจากผู้ขายสินค้ามาให้เราได้ เช่น ในการเปิดร้านค้าปลีก ผู้ค้าส่งบางรายจะยอมให้เราสั่งสินค้ามาขายก่อนโดยยังไม่ต้องจ่ายเงิน นาน 1-2 เดือนถ้าเราวางแผนบริหารสินหมุนเวียนดี ๆ ไม่สั่งของมาเก็บมาเกินไปแล้วเร่งขายให้ได้ก่อนถึงกำหนดชำระเงิน เราก็ก็จะได้เงินสดมาหมุนเวียนในกิจการแต่ต้องระวังอย่าหมุนเพลินจนเมื่อถึงกำหนดชำระสินค้าแล้วไม่มีเงินมาจ่ายกลายเป็นเสียเครดิตในการทำธุรกิจจนไม่อยากมีใครขายของให้หรือถ้าขายก็ขอเป็นเงินสด งดรับเช็ค5. จากบัตรเครดิต จะว่าไปแล้วบัตรเครดิตถ้านำมาใช้ให้เป็นก็จะเป็นแหล่งเงินสำหรับหมุนเวียนในการทำธุรกิจที่ดีทีเดียว เช่น ในการสั่งสินค้ามาขาย ถ้าเราชำระเป็นบัตรเครดิตเราจะยืดระยะเวลาชำระเงินไปได้อีก 30 - 55 วัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่บัตรนั้น ๆ ให้ระหว่างนั้นเราขายสินค้าได้เราก็มีเงินมากชำระบัตรเครดิตไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ย ถ้าวงเงินไม่พอก็ทำบัตรหลาย ๆ ใบ เอาวงเงินรวมกันได้มากพอสมควร ยุคนี้ธนาคารก็เร่งขยายตลาดบัตรเครดิตการขอทำบัตรก็ไม่ยากนักแถมยังได้สะสมแต้มแลกของรางวัลอีกแนวทางนี้เป็นแหล่งเงินที่เบิกง่ายใช้คล่อง ถ้าบริษัทที่เราซื้อเขาไม่รับบัตรเครดิต ร้านก็จะรับรูดบัตรจากเขาได้รับเงินจากธนาคารเลย ไม่ต้องห่วงเรื่องเช็คเด้ง แต่ก็โดนหักค่าธรรมเนียมประมาณ 1-5 % แล้วแต่บัตรและประเภทธุรกิจ ถ้าเรายอมจ่ายค่าธรรมเนียมแทนเขาบางส่วนอาจทำให้ผู้ขายยอมรับชำระด้วยบัตรเครดิตก็ได้สามข้อแรกที่ไห้ไว้เป็นแหล่งเงินทุนที่เบิกมาใช้ได้ทั้งช่วงเริ่มต้นธุรกิจและใช้ยามฉุกเฉิน แต่ สองข้อหลังสำหรับใช้หมุนเวียนในการทำธุรกิจ เหล่านี้น่าจะช่วย SMEsให้มีเงินลงทุนเป็นแหล่งทุนหมุนเวียนฉุกเฉินได้บ้างใครสนใจแหล่งไหนก็ลองใช้ได้ตามความถนัดและโอกาสของตัวเองนะครับ
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
http://www.dip.go.th/mainpage.aspกรมพัฒนาธุรกิจการค้าhttp://www.dbd.go.th/สถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมhttp://www.ismed.or.th/SME BANKhttp://www.smebank.co.th/index_special.html

การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด

1. ความหมายของการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดการพัฒนา หมายถึง การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงเหมาะสมกับสถานะการณ์ การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดจึงเป็นการศึกษาเพื่อให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพราะว่าความมั่นคงจะมีความสำคัญมากของธุรกิจกลางหรือเล็กในการพัฒนากลยุทธ์กาตลาด ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนทัศนคติในการมองเรื่องต่าง ๆ และต้องให้ความสำคัญกับข้อมูล ต้องประเมิณสถานการณ์อย่างถูกต้องและเป็นธรรม การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดจะประกอบด้วย 2 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ ตลาดและผลิตภัณฑ์2. มุมมองด้านตลาดตลาดเก่า หมายความว่า ลักษณะของลูกค้าเดิม ๆ ซึ่งก็จะเป็นลูกค้าประจำ หรือว่าจะเป็นลูกค้าขาจรที่ผ่นมาแล้วก็ผ่านไปตลาดใหม่ หมายความว่า ลูกค้าใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าที่ผ่านเข้าก็จะความหลากหลายไปด้วย3. มุมมองด้านผลิตภัณฑ์มี 2 ประเภทด้วยกันผลิตภัณฑ์เก่า คือ สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เราเคยขายก่อน ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ สินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยมีมาก่อน และ เมื่อประเมินสถานการณ์เราสามารถนำเอา 2 ปัจจัยมาผสมกันแล้วจะได้เป็นคู่ ๆคู่ที่ 1 คือ ตลาดเก่า ผลิตภัณฑ์เก่าคู่ที่ 2 คือ ตลาดเก่า ผลิตภัณฑ์ใหม่คู่ที่ 3 คือ ตลาดใหม่ ผลิตภัณฑ์เก่าคู่ที่ 4 คือ ตลาดใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่คู่ที่ 5 คือ การผสมผสานแต่ละคู่มารวมกัน4. การพัฒนากลยุทธ์การตลาด มี 5 ตัวหลัก ๆ ที่จะต้องคำนึงถึง1. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย2. ผลิตภัณฑ์ คือ สินค้าและการบริการ3. กลยุทธ์ราคา4. กลยุทธ์การจัดจำหน่าย5. กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด
การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแผนทางการตลาดการวางแผนทางการตลาดต้องมีการเก็บข้อมูลเพื่อที่จะใช้เป็นกำหนดทิศทางและการตัดสินใจว่ากิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ที่จะใช้ในการแข่งขันควรมีอะไรบ้าง ดังนั้น ข้อมูลทางการตลาดที่ได้มีการเก็บรวบรวมมาจึงจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนในการวิเคราะห์และประมวณผลเพื่อใช้ในการตัดสินใจได้ การวิเคราะห์เชิงปริมาณและคุณภาพการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดมี 2 ประเภทสำคัญใหญ่ ๆ คือ การวิเคราะห์เชิงปริมาณ และการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ โดยทั่วไปการวิเคราะห์เชิงปริมาณจะใช้เครื่องมือตัววัดในทางสถิติ ในขณะที่การวิเคราะห์เชิงคุณภาพจะใช้ประเด็ดเป็นเครื่องมือในการวัด เพื่อให้เกิดความเข้าใจในประเด็นหรือข้อมูลที่ยังขาดความชัดเจนการวิเคราะห์ในเชิงการทดสอบสมมุติฐานการวิเคราะห์และทดสอบในทางสมมุติฐาน โดยทั่วไปจะเป็นการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่ได้จากข้อมูลจากการสำรวจ และมักใช้ค่าสถิติในการวิเคราะห์และตีความ ซึ่งมักจะให้ความสนใจต่อนัยสำคัญทางสถิติว่ามีหรือไม่ มากน้อยอย่างไร หรือว่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน การวิเคราะห์ประเภทนี้มักจะใช้ค่าเฉลี่ย ค่าสถิติอื่น ๆที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ก็สรุปง่าย ๆ ก็คือ ส่วนใหญ่จะเป็นการหาค่าความสัมพันธ์หรือความแตกต่างกันระหว่างตัวแปร เพื่อนำผลไปวิเคราะห์ไปใช้ในการวางแผนทางการตลาดการวิเคราะห์ในเชิงการทดสอบสมมุติฐานการวิเคราะห์ในเชิงการทดสอบสมมุติฐาน โดยทั่วไปจะเป็นการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่ได้จากข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ และมักจะใช้ค่าสถิติในการวิเคราะห์และตีความ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีความแตกต่างกัน ผู้ใช้ข้อมูลในการตลาดก็จะนำเอาข้อมูลนี้ไปวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจหรือการวางแผนทางการตลาดเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและมีความชัดเจนมากขึ้นการวิเคราะห์เชิงสรุปประเด็นการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์เชิงคุณภาพเป็นการวิเคราะห์และสรุปเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ในเชิงลึก เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ทางการตลาดนั้น ๆ มากขึ้น หากแต่ว่าข้อมูลเชิงคุณภาพอาจสามารถประมวลความคิดเห็นและสรุปได้ลึกซึ่งกว่า ดังนั้นการวางแผนทางการตลาดที่ดีควรมีการประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดที่ครอบคลุมและหลากหลายของข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้ข้อมูลทางการตลาดที่นับวันจะมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ


By http://www.pantown.com

เคล็ดลับการหาลูกค้าใหม่

เคล็ดลับการหาลูกค้าใหม่
ส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ธุรกิจมีกำไรและเจริญก้าวหน้า คือ การทุ่มเทให้กับการ พัฒนาธุรกิจ แม้ว่าคุณจะมีการผสมผสานระหว่างงาน ลูกค้า และพนักงานอย่างลงตัวแล้วก็ตาม คุณจำเป็นต้องติดตามโอกาสทางการขายใหม่ๆ ในการดำเนินการดังกล่าว โดยไม่ต้องผละออกจากลูกค้าปัจจุบัน (แม้ว่าวิธีการดังกล่าวจะใช้กับลูกค้าเหล่านี้ได้เช่นกัน) จะช่วยสร้างกระบวนการในการระบุโอกาสทางการขาย ค้นคว้า และเก็บข้อมูลที่คุณพบ กระบวนการนี้จะช่วยให้คุณสามารถจัดการโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยใช้เวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า คุณสามารถดำเนินการตาม 6 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้1.จัดทำรายชื่อลูกค้าระบุประเภทของบริษัทที่คุณต้องการทำงานด้วย และจำนวนบริษัทเป้าหมายที่เป็นไปได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ตัวอย่างเช่น พนักงานบัญชีที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการตลาดอาจกำหนดเป้าหมายโอกาสทางการขายสำหรับบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดไว้ 5 บริษัทต่อเดือนคุณอาจค้นหาลูกค้าที่คาดหวังและระบุโอกาสทางการขายใหม่ๆ ผ่านทางกิจกรรมของเครือข่าย การประมูลในหนังสือพิมพ์และนิตยสารของอุตสาหกรรม หัวข้อข่าวเกี่ยวกับโครงการใหม่ๆ และการจัดสัมมนาของอุตสาหกรรมนั้นๆ ที่ลงในหนังสือพิมพ์ การติดตามข่าวสารในอุตสาหกรรมของคุณ และทราบถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญ คุณสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัทที่คุณเข้าพบไว้ในฐานข้อมูลซึ่งข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วย ชื่อบริษัท ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลผู้ติดต่อ เวลาที่ติดต่อ วิธีการติดต่อ หัวข้อสนทนา งานที่คาดหวัง สิ่งที่ดำเนินการ การติดต่อครั้งถัดไป และข้อมูลทั่วไป คุณควรบันทึกรายละเอียดผู้ติดต่อของบริษัทไว้พร้อมกับสิ่งที่ต้องดำเนินการและงานที่ต้องติดตาม2.ตรวจสอบคุณสมบัติของลูกค้าเมื่อคุณได้รายชื่อบริษัทมาแล้ว คุณต้องทบทวนรายชื่อดังกล่าวเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทเหล่านั้นเป็นโอกาสทางการขายที่เป็นไปได้ สิ่งที่คุณควรคำนึงถึงมีดังต่อไปนี้- คุณมีข้อมูลผู้ติดต่อที่จะเข้าถึงบริษัทหรือไม่- คุณมีบริการที่บริษัทเหล่านั้นต้องการหรือไม่- ข้อมูลใดในเว็บไซต์ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพวกเขาได้ดีขึ้น- คุณมีความขัดแย้งใดในการโน้มน้าวบริษัทนี้หรือไม่- ลูกค้ารายนี้มีโอกาสเติบโตหรือเป็นงานเร่งด่วน- ใครคือผู้ตัดสินใจ คุณจะสามารถเข้าถึงบุคคลเหล่านั้นได้อย่างไร3.การสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจการสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจ (ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเล็กเพียงใด) จะทำให้คุณสามารถสร้างธุรกิจใหม่ได้ไม่ยาก คุณอาจพบว่าลูกค้าที่คาดหวังใช้บริการของคุณเนื่องจากภาพลักษณ์ทางธุรกิจที่คุณสร้างขึ้นได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณคือผู้นำในอุตสาหกรรม ตัวอย่างของกิจกรรมที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจให้กับคุณได้แก่ แผ่นป้ายโฆษณาตามอาคารต่างๆ โฆษณาในนิตยสารของอุตสาหกรรม การเป็นผู้สนับสนุนในงานสัมมนา และการกระจายสื่ออย่างครอบคลุม การพิจารณาเลือกสื่อและพื้นที่การครอบคลุม เช่น ระดับท้องถิ่น ภูมิภาค เมือง หรือประเทศ จะขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่งที่ตั้ง และตลาดเป้าหมายของธุรกิจของคุณ4.การแสดงถึงสิ่งที่อยู่ภายในเข้าถึงโอกาสทางการขายของคุณด้วยการแสดงผลิตภัณฑ์ของบริษัทเมื่อใดก็ตามที่สบโอกาส ตัวอย่างเช่น ส่งโบรชัวร์หรือจดหมายข่าวที่คุณจัดทำขึ้น และเชิญพวกเขาให้มาเข้าร่วม ตัวอย่างงานของคุณ หรือบทความที่เกี่ยวข้องหรือน่าสนใจ หมายเหตุ: ก่อนที่คุณจะดำเนินกิจกรรมการตลาดโดยตรง คุณควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้ละเมิดกฎหมายสิทธิส่วนบุคคลใดๆ เราไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนของกระบวนการดังกล่าวได้ ถ้าคุณไม่สามารถระบุโอกาสทางการขายได้ในทันที โปรดอดทนรอ คุณอาจต้องติดต่อกับบริษัทนั้นๆ ถึง 6 เดือนกว่าจะเห็นผล5.กำหนดเวลาพูดคุยคุณได้ก้าวผ่านประตูมาแล้ว… ถึงตอนนี้คุณต้องนำเสนอการขายด้วยตัวคุณเอง คุณต้องสร้างบรรยากาศของการพูดคุยที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของคุณ เช่น การใช้งานนำเสนอ หรือการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการ คุณอาจเลือกรูปแบบของการพูดคุยไม่ได้ แต่คุณจะต้องมั่นใจว่าคุณมีการเตรียมพร้อมที่จะรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในระหว่างการพูดคุย คุณจะต้องแน่ใจว่าคุณได้แสดงให้เห็นถึงความรู้ที่ได้รับจากขั้นตอนก่อนหน้านี้6.การติดตามผลเมื่อคุณได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและสิ่งที่คุณสามารถดำเนินการให้กับบริษัทได้ คุณไม่ควรหยุดอยู่แค่นั้น การติดตามผลก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ขั้นตอนนี้เป็นส่วนที่สำคัญของกระบวนการ และควรให้ความสำคัญเท่ากับขั้นตอนอื่นๆ การสนทนาในระหว่างการพบปะอาจนำเข้าสู่หัวข้อที่จะต้องอธิบายในรายละเอียด หรือคุณอาจพบบทความหรือข้อมูลสถิติที่น่าสนใจ/เกี่ยวข้องที่จะนำไปสู่การพูดคุยกันอีกครั้ง หรือแม้ว่าคุณไม่มีอะไรที่จะส่งให้กับลูกค้า คุณสามารถส่งคำขอบคุณสำหรับโอกาสที่ได้รับซึ่งคุณสามารถทำได้โดยการโทรศัพท์หรือส่งอีเมล โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสม ขอให้คุณโชคดี!

วิธีสร้างเครือข่ายการแนะนำแบบปากต่อปาก

โดย Joanna L. Krotzทีมขายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้ คือ ลูกค้าที่กระตือรือร้น ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่ว่า คุณไม่ต้องจ่ายลูกค้าเพื่อแลกกับการโฆษณาให้กับคุณ เมื่อลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ของคุณ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาได้กลายเป็นทีมขายของคุณแล้ว เมื่อใดก็ตามที่ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการ พวกเขาจะรู้สึกเหมือนเป็นสมาชิกของสโมสร
แต่ลูกค้าประจำเพียงกลุ่มเดียวไม่สามารถสร้างทีมขายขึ้นได้ เคล็ดลับก็คือการเปลี่ยนจากผู้ซื้อเพียงอย่างเดียวเป็นผู้ส่งเสริมการขายที่จะกระจายคำบอกเล่าออกไป และเปลี่ยนเพื่อนๆ ครอบครัว และผู้ที่อยู่รอบตัวของเขาเป็นลูกค้าด้วย ด้วยการสร้างคำบอกเล่าที่ดี คุณสามารถสร้างพนักงานขายที่เป็นเหมือนอาสาสมัครซึ่งสร้างตัวชี้นำลูกค้าใหม่ เพิ่มยอดขาย และเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนด้านการตลาด นี่คือวิธีการพื้นฐาน 3 วิธีที่ใช้ชักจูงคนให้พูดถึงธุรกิจของคุณในแง่ดี ในขณะที่คุณกำลังสร้างทีมขายที่เป็นลูกค้าอยู่นั้น คุณอาจพบทางเลือกอื่นที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ 1. จัดโปรแกรมการแนะนำลูกค้าใหม่จุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด คือ ขอให้ลูกค้าของคุณแนะนำลูกค้าใหม่ให้กับคุณ ขั้นแรกต้องให้พวกเขารู้ว่าคุณกำลังจัดโปรแกรมแนะนำลูกค้าใหม่ด้วยการส่งจดหมายหรือโปสการ์ดที่บอกให้พวกเขาทราบว่าพวกเขามีค่ากับธุรกิจของคุณเพียงใด และการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องต้องอาศัยการแนะนำลูกค้าใหม่จากพวกเขา คุณจะได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเมื่อคุณมีสิ่งจูงใจให้ด้วย เช่น ส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป หรือของขวัญสำหรับการแนะนำลูกค้าแต่ละราย เพื่อสร้างผู้สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ให้ส่งโปรแกรมการแนะนำลูกค้าใหม่ไปยังลูกค้าใหม่แต่ละรายภายในสองสามวันหลังจากการซื้อครั้งแรก คุณอาจขอให้ลูกค้าเขียนความประทับใจเกี่ยวกับสินค้าของคุณ ซึ่งสามารถนำไปใส่ในการขายผ่านโปสการ์ด ไดเร็คเมล หรือโบรชัวร์ หรือประกาศบนเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงการตลาดด้วยอีเมล์ ส่งความประทับใจเหล่านี้ไปตามรายชื่อลูกค้าเป้าหมาย พร้อมด้วยสื่อส่งเสริมการขายที่เหมาะสมของคุณ การแนะนำของลูกค้าอาจทำด้วยการส่งจดหมายไปถึงลูกค้าเป้าหมายเพื่อช่วยเปิดทางหรือแนะนำคุณให้กับผู้ติดต่อคนสำคัญ ตัวอย่าง: "Tom Smith อยากให้คุณลองดูนี่" จากนั้นตามด้วยการติดต่อทางโทรศัพท์ เมื่อคุณได้จัดโปรแกรมแนะนำลูกค้าใหม่แล้ว Business Contact Manager สำหรับ Outlook 2003 จะช่วยคุณตรวจสอบผลของการแนะนำ รายชื่อผู้ติดต่อทางธุรกิจหรือแอคเคาท์จะมีฟิลด์แนะนำโดย ที่คุณสามารถใช้เพื่อค้นหาที่มาของการแนะนำไม่ว่าจะเป็นโฆษณา, การขายผ่านไดเร็คเมล, งานสัมมนา, งานแสดงสินค้า, การแนะนำภายใน, การแนะนำภายนอก, คู่ค้า หรือการประชาสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นรายงานแหล่งที่มาของตัวชี้นำลูกค้าใหม่ใน Business Contact Manager จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าที่คุณต้องการติดต่อได้อย่างรวดเร็ว รายงานที่จัดรูปแบบไว้ล่วงหน้าจะแสดงแอคเคาท์และผู้ติดต่อทางธุรกิจทั้งหมดของคุณโดยจัดกลุ่มตามการแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา, การขายผ่านไดเร็คเมล, การสัมมนา, งานแสดงสินค้า, การอ้างอิงภายใน, การอ้างอิงภายนอก, คู่ค้า หรือการประชาสัมพันธ์ 2. ยกระดับภาพลักษณ์ของคุณไม่ว่าคุณจะขายบริการให้กับตลาดระดับบนหรือขายอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับตลาดระดับมหาชน คุณสามารถสร้างการประชาสัมพันธ์เพื่อทำให้บริษัทของคุณโดดเด่น แม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้เป็นที่รู้จัก ด้วยการใช้บริการของมืออาชีพ คุณสามารถวางตัวเองเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์สำหรับผู้รายงานข่าวของสื่อและวงการอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นต้องยอมเสียค่าใช้จ่ายบ้างสำหรับถ้อยคำเชิงสร้างสรรค์ หรือการออกแบบสำรวจหรือมีตำแหน่งสนับสนุนซึ่งทำให้คุณเป็นที่รู้จักในงานประชุมหรืองานแสดงสินค้า คุณอาจต้องจ้างนักประชาสัมพันธ์เพื่อช่วยในการเปิดตัวนี้ ข้อดีเหล่านี้ต้องมีค่าใช้จ่ายต่อโปรเจคหรือตามประสิทธิภาพ ซึ่งคุณคงไม่ต้องการให้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หรือคุณอาจประชาสัมพันธ์ด้วยตัวเองก็ได้ ตัวอย่างเช่นโดยการเน้นประวัติของครอบครัวหรือสูตรประจำตระกูล เป้าหมายของคุณคือกระจายเรื่องราวที่ทำให้ผู้คนคล้อยตามหรือโดนใจสื่อมวลชน และคุณสามารถเป็นที่รู้จักได้โดยการทำบางอย่างเพื่อสังคม ตัวอย่างเช่น Ben & Jerry's Ice Cream ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยเงินเพียง 12,000 ดอลลาร์ในปี 1978 แต่เจ้าของทั้งสองรายได้สร้างไอศครีมที่มีชื่อเสียงระดับชาติจากรสไอศครีมที่ไม่ธรรมดาด้วยราคาที่ตั้งไว้สูง และชื่อเสียงด้านการช่วยเหลือสังคม ก่อนหน้านั้น มีเพียงไม่กี่บริษัทที่พูดถึงความรับผิดชอบทางสังคม ทุกวันนี้ บริษัทนับร้อยทำตามพวกเขา ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด สิ่งที่สำคัญคือความจริงใจ ส่งเสริมการขายด้วยสิ่งที่คุณเชื่อมั่นจริงๆ ในการเริ่มต้นการประชาสัมพันธ์ คุณจำเป็นต้องสร้างสื่อสำหรับบริษัทและบุคคล ซึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็วด้วย Microsoft Publisher 3. เลือกคู่ค้าที่เหมาะสมด้วยการสร้างพันธมิตรกับธุรกิจที่มีเป้าหมายเดียวกับคุณ คุณจะสามารถสร้างเครือข่ายลูกค้าแบบปากต่อปากที่ช่วยแนะนำธุรกิจของคุณ ตัวอย่าง หากคุณเป็นผู้ชำนาญโรคเฉพาะเด็ก คุณอาจแจกนามบัตรของคุณไว้ที่ฝ่ายต้อนรับของศูนย์รับเลี้ยงเด็กใกล้ๆ เช่นเดียวกัน ทางศูนย์อาจติดโปสเตอร์ไว้ที่กระดานข่าวในสำนักงานของคุณ ผู้ปกครองที่ใช้บริการของศูนย์รับเลี้ยงเด็กอาจแนะนำคุณให้กับคนอื่นๆ หรือสมมติว่าคุณเป็นเจ้าของร้านซ่อมตัวถังรถยนต์ คุณสามารถเป็นคู่ค้ากับผู้ให้บริการล้าง/ขัดเงารถยนต์ ผู้ให้บริการล้างรถยนต์อาจส่งใบปลิวโฆษณามาพร้อมกับใบแจ้งหนี้รายเดือน และฝากใบปลิวจำนวนหนึ่งไว้บนเคาน์เตอร์เพื่อแจกให้ลูกค้าของคุณ คุณก็สามารถทำอย่างเดียวกันนั้นได้ บริการส่งนอกสถานที่และร้านอาหารเป็นอีกหนึ่งของการจับคู่ที่เหมาะสม คุณคงได้แนวคิดแล้ว คุณสามารถทำข้อตกลงพิเศษกับคู่ค้าเพื่อเสนอส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษและพิมพ์ลงที่ด้านหลังของใบปลิวโฆษณา ซึ่งใช้ได้เฉพาะผู้ที่เป็นลูกค้าของทั้งสองธุรกิจเท่านั้น และอย่าลืมซัพพลายเออร์และผู้ค้าของคุณด้วย ขอให้พวกเขาแนะนำคุณให้กับลูกค้าของพวกเขา บอกพวกเขาว่าการแนะนำลูกค้าหรือธุรกิจให้คุณ เป็นผลดีต่อธุรกิจของพวกเขาด้วย เพื่อให้วิธีนี้ได้ผล คุณจะต้องแนะนำลูกค้าให้พวกเขาด้วยเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการแนะนำและการบอกปากต่อปากของลูกค้ามีประสิทธิภาพมากกว่าการตลาดรูปแบบอื่นๆ ถึง 10 เท่า

คุณไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อส่งเสริมธุรกิจของคุณ

บริษัทของคุณอาจไม่มีงบประมาณด้านการตลาดจำนวนมากหรือพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมในด้านการเขียนคำโฆษณามาโดยเฉพาะ และอาจไม่สามารถว่าจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายศิลป์เพื่อออกแบบโลโก้สวยๆ หรือเอกสารไดเร็คเมลที่ดีๆ ได้

การที่คุณประสบปัญหาดังกล่าวมิได้หมายความว่า บริษัทของคุณจะไม่สามารถทำการตลาดด้วยตนเองได้ ด้วยการใช้เครื่องมือซอฟต์แวร์ที่บริษัทส่วนใหญ่ใช้งานอยู่ในทุกวันนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีความคิดสร้างสรรค์เพียงเล็กน้อย ก็สามารถจัดทำเอกสารการตลาดที่ดูเป็นมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้ว่าจะไม่มีความคิดสร้างสรรค์ดังกล่าวก็ตาม ก็ยังมีวิธีการที่แนบเนียนต่างๆ ที่ทุกคนในทีมงานของคุณสามารถนำมาใช้ในการสื่อความหมายที่ดีๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทของคุณได้ คุณสามารถนำวิธีการด้านการตลาดที่ใช้ง่ายประหยัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปใช้ในธุรกิจของคุณได้ด้วยการใช้ Microsoft Office Small Business Edition 2003 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิผลที่บริษัทต่างๆ นิยมใช้กันทั่วโลก ในการดำเนินการสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้: 1. จัดทำเอกสารไดเร็คเมลทั่วไป คุณจะสามารถแจ้งข่าวเกี่ยวกับการขายหรือผลิตภัณฑ์ออกใหม่ได้อย่างง่ายดายและด้วยค่าใช้จ่ายเพียงน้อยนิดด้วยวิธีการส่งเป็นโปสต์การ์ดให้ลูกค้า ด้วยการใช้แม่แบบที่ใช้งานง่ายของ Publisher 2003 ซึ่งมีอยู่ใน Office Small Business Edition 2003 คุณจะสามารถเลือกแบบโปสต์การ์ดต่างๆ แล้วนำมาปรับแต่งเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ คุณสามารถใช้ Publisher เพื่อแทรกข้อความหรือโลโก้ของคุณลงในแม่แบบสำเร็จรูปได้อย่างง่ายดาย การเปลี่ยนสีหรือรูปแบบตัวอักษรก็สามารถทำได้อย่างสะดวกเช่นกัน และยังสามารถตั้งโปรแกรมให้แทรกข้อมูลผู้ติดต่อของคุณลงในโปสต์การ์ดใหม่ทุกครั้งที่คุณจัดสร้างขึ้นได้โดยอัตโนมัติ แน่นอนว่า คุณไม่จำเป็นต้องจำกัดการทำการตลาดให้อยู่ในรูปแบบของการส่งโปสต์การ์ดเท่านั้น เพราะโปรแกรม Publisher มีแม่แบบอีกเป็นจำนวนมากไว้ให้คุณปรับแต่งเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานด้านการตลาดของคุณ คุณสามารถใช้แม่แบบเหล่านี้ในการจัดทำสื่อการตลาดต่างๆ ได้ ดังต่อไปนี้
โบรชัวร์
ใบปลิว
จดหมายข่าว
แคตตาล็อก
เอกสารโฆษณา
บัตรอวยพรโปรดจำไว้ว่า แม้แต่หัวจดหมาย ใบแจ้งหนี้ และซองจดหมาย ก็สามารถนำมาใช้เพื่อสื่อความหมายเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้เช่นกัน นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้คุณสมบัติการออกแบบที่มีอยู่ในโปรแกรม Publisher หรือ Word เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพของคุณในเอกสารเหล่านั้นได้อีกด้วย 2. ส่งจดหมายข่าวทางอีเมลให้ลูกค้า อีเมลเป็นวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งในการติดต่อลูกค้า คุณจึงควรจัดทำจดหมายข่าวทางอีเมลอย่างสม่ำเสมอ ภายในจดหมายข่าวอาจประกอบด้วยเคล็ดลับและข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับการรักษาสัตว์ คุณอาจเขียนเคล็ดลับเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยงตามฤดูกาล หรือหากคุณเป็นเจ้าของภัตตาคาร คุณอาจเขียนสูตรการทำอาหารตามฤดูกาลก็ได้ นอกจากนี้ คุณควรแจ้งข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่คุณกำลังนำเสนออยู่ในขณะนั้น รวมทั้งรายการพิเศษหรือการส่งเสริมการขายต่างๆ ที่คุณต้องการเน้นเป็นพิเศษ หรือบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานคนใหม่ของคุณก็ได้ จุดประสงค์ของการดำเนินการดังกล่าว คือ การทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในธุรกิจ มิใช่เน้นการเสนอขายสินค้าหรือบริการแต่เพียงอย่างเดียว และก่อนที่คุณจะส่งออกไป ให้ตรวจสอบจนแน่ใจก่อนว่า คุณได้รับอนุญาตอย่างชัดเจนจากลูกค้าให้สามารถส่งหมายข่าวดังกล่าว หากคุณมีความรู้สึกว่า คุณมีข้อมูลไม่มากพอที่จะเขียนเป็นจดหมายข่าวได้ทั้งฉบับ คุณก็ยังคงสามารถใช้อีเมลเป็นเครื่องมือทางการตลาดได้ และต้องได้รับอนุญาตจากผู้รับของคุณก่อนเช่นกัน นอกจากนี้ ฟังก์ชันจดหมายเวียนใน Outlook 2003 สามารถช่วยคุณส่งข้อความของคุณไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่กำหนดได้ และยังสามารถเลือกใช้รูปแบบโครงร่างเอกสารเผยแพร่ทางอีเมล 6 ชนิด และชุดออกแบบหลักจำนวน 45 แบบใน Publisher เพื่อจัดทำและส่งเอกสารเผยแพร่ทางอีเมลของคุณ ตัวเลือกโครงร่างอีเมลประกอบด้วย จดหมายข่าว จดหมาย หนังสือแจ้งข่าวกิจกรรม และบัญชีรายชื่อสินค้า 3. นำการสื่อความหมายทางการตลาดติดตัวคุณไปทุกที่ หากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานประเภทใดประเภทหนึ่ง คุณอาจได้รับเชิญให้ไปพูดในกลุ่มองค์กรหรือสถานศึกษาต่างๆ ในเรื่องที่คุณกำลังดำเนินการ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสทางการตลาดที่คุณสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างแนบเนียน ตัวอย่างเช่น วิธีการหนึ่งในการทำให้ผู้ฟังของคุณมีส่วนร่วมและในขณะเดียวกันก็สามารถสื่อสารด้านการตลาดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ การนำเสนอที่ใช้สื่อทางสายตา หากคุณใช้ Office Small Business Edition 2003 อยู่ คุณจะสามารถใช้ PowerPoint 2003 ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เรียนรู้ง่าย ในการจัดทำการแสดงภาพสไลด์ ประโยชน์ของ PowerPoint ก็คือ ในขณะที่คุณกำลังพูด คุณสามารถแสดงข้อความ ภาพถ่าย และกราฟิก ไปพร้อมๆ กันได้ หรือแม้กระทั่งการแสดงภาพยนตร์ ภาพเคลื่อนไหว และเสียงก็ได้ จึงช่วยให้การนำเสนอของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และที่สำคัญก็คือ คุณสามารถใส่ชื่อและโลโก้ของบริษัทของคุณในสไลด์ทุกแผ่นได้4. สร้างเว็บไซต์ง่ายๆ ด้วยตนเอง หากคุณยังไม่ได้ตัดสินใจสร้างเว็บไซต์ของบริษัทของคุณ นั่นอาจเป็นเพราะคุณคิดว่าการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก แต่ด้วยโปรแกรม Publisher 2003 คุณสามารถจัดทำเว็บไซต์แบบมืออาชีพที่มีรูปแบบสวยงาม และพร้อมสำหรับใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ในราคาที่ไม่แพง คุณสมบัติ Easy Website Builder ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายที่ต้องการสำหรับเว็บไซต์ของคุณ จากนั้นโปรแกรม Publisheจะสร้างเว็บไซต์ที่ได้รับการปรับแต่งรูปแบบเพจให้ตรงกับความต้องการของคุณ นอกจากนี้ คุณอาจเลือกใช้ตัวช่วยสร้างเว็บไซต์เพื่อจัดทำเว็บไซต์พื้นฐานแบบ 3 เพจ หรือเว็บไซต์ที่เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการขายสินค้าและบริการแบบมืออาชีพ หลังจากที่คุณเริ่มต้นใช้เทคนิคทางการตลาดแบบแนบเนียนดังที่กล่าวมา คุณจะพบว่ายังมีอีกหลากหลายวิธีการที่คุณสามารถกระจายข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณอย่างสร้างสรรค์และมีชั้นเชิง

คุณไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อส่งเสริมธุรกิจของคุณ

บริษัทของคุณอาจไม่มีงบประมาณด้านการตลาดจำนวนมากหรือพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมในด้านการเขียนคำโฆษณามาโดยเฉพาะ และอาจไม่สามารถว่าจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายศิลป์เพื่อออกแบบโลโก้สวยๆ หรือเอกสารไดเร็คเมลที่ดีๆ ได้
การที่คุณประสบปัญหาดังกล่าวมิได้หมายความว่า บริษัทของคุณจะไม่สามารถทำการตลาดด้วยตนเองได้ ด้วยการใช้เครื่องมือซอฟต์แวร์ที่บริษัทส่วนใหญ่ใช้งานอยู่ในทุกวันนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีความคิดสร้างสรรค์เพียงเล็กน้อย ก็สามารถจัดทำเอกสารการตลาดที่ดูเป็นมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้ว่าจะไม่มีความคิดสร้างสรรค์ดังกล่าวก็ตาม ก็ยังมีวิธีการที่แนบเนียนต่างๆ ที่ทุกคนในทีมงานของคุณสามารถนำมาใช้ในการสื่อความหมายที่ดีๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทของคุณได้ คุณสามารถนำวิธีการด้านการตลาดที่ใช้ง่ายประหยัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปใช้ในธุรกิจของคุณได้ด้วยการใช้ Microsoft Office Small Business Edition 2003 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิผลที่บริษัทต่างๆ นิยมใช้กันทั่วโลก ในการดำเนินการสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้: 1. จัดทำเอกสารไดเร็คเมลทั่วไป คุณจะสามารถแจ้งข่าวเกี่ยวกับการขายหรือผลิตภัณฑ์ออกใหม่ได้อย่างง่ายดายและด้วยค่าใช้จ่ายเพียงน้อยนิดด้วยวิธีการส่งเป็นโปสต์การ์ดให้ลูกค้า ด้วยการใช้แม่แบบที่ใช้งานง่ายของ Publisher 2003 ซึ่งมีอยู่ใน Office Small Business Edition 2003 คุณจะสามารถเลือกแบบโปสต์การ์ดต่างๆ แล้วนำมาปรับแต่งเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ คุณสามารถใช้ Publisher เพื่อแทรกข้อความหรือโลโก้ของคุณลงในแม่แบบสำเร็จรูปได้อย่างง่ายดาย การเปลี่ยนสีหรือรูปแบบตัวอักษรก็สามารถทำได้อย่างสะดวกเช่นกัน และยังสามารถตั้งโปรแกรมให้แทรกข้อมูลผู้ติดต่อของคุณลงในโปสต์การ์ดใหม่ทุกครั้งที่คุณจัดสร้างขึ้นได้โดยอัตโนมัติ แน่นอนว่า คุณไม่จำเป็นต้องจำกัดการทำการตลาดให้อยู่ในรูปแบบของการส่งโปสต์การ์ดเท่านั้น เพราะโปรแกรม Publisher มีแม่แบบอีกเป็นจำนวนมากไว้ให้คุณปรับแต่งเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานด้านการตลาดของคุณ คุณสามารถใช้แม่แบบเหล่านี้ในการจัดทำสื่อการตลาดต่างๆ ได้ ดังต่อไปนี้
โบรชัวร์
ใบปลิว
จดหมายข่าว
แคตตาล็อก
เอกสารโฆษณา
บัตรอวยพรโปรดจำไว้ว่า แม้แต่หัวจดหมาย ใบแจ้งหนี้ และซองจดหมาย ก็สามารถนำมาใช้เพื่อสื่อความหมายเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้เช่นกัน นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้คุณสมบัติการออกแบบที่มีอยู่ในโปรแกรม Publisher หรือ Word เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพของคุณในเอกสารเหล่านั้นได้อีกด้วย 2. ส่งจดหมายข่าวทางอีเมลให้ลูกค้า อีเมลเป็นวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งในการติดต่อลูกค้า คุณจึงควรจัดทำจดหมายข่าวทางอีเมลอย่างสม่ำเสมอ ภายในจดหมายข่าวอาจประกอบด้วยเคล็ดลับและข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับการรักษาสัตว์ คุณอาจเขียนเคล็ดลับเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยงตามฤดูกาล หรือหากคุณเป็นเจ้าของภัตตาคาร คุณอาจเขียนสูตรการทำอาหารตามฤดูกาลก็ได้ นอกจากนี้ คุณควรแจ้งข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่คุณกำลังนำเสนออยู่ในขณะนั้น รวมทั้งรายการพิเศษหรือการส่งเสริมการขายต่างๆ ที่คุณต้องการเน้นเป็นพิเศษ หรือบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานคนใหม่ของคุณก็ได้ จุดประสงค์ของการดำเนินการดังกล่าว คือ การทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในธุรกิจ มิใช่เน้นการเสนอขายสินค้าหรือบริการแต่เพียงอย่างเดียว และก่อนที่คุณจะส่งออกไป ให้ตรวจสอบจนแน่ใจก่อนว่า คุณได้รับอนุญาตอย่างชัดเจนจากลูกค้าให้สามารถส่งหมายข่าวดังกล่าว หากคุณมีความรู้สึกว่า คุณมีข้อมูลไม่มากพอที่จะเขียนเป็นจดหมายข่าวได้ทั้งฉบับ คุณก็ยังคงสามารถใช้อีเมลเป็นเครื่องมือทางการตลาดได้ และต้องได้รับอนุญาตจากผู้รับของคุณก่อนเช่นกัน นอกจากนี้ ฟังก์ชันจดหมายเวียนใน Outlook 2003 สามารถช่วยคุณส่งข้อความของคุณไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่กำหนดได้ และยังสามารถเลือกใช้รูปแบบโครงร่างเอกสารเผยแพร่ทางอีเมล 6 ชนิด และชุดออกแบบหลักจำนวน 45 แบบใน Publisher เพื่อจัดทำและส่งเอกสารเผยแพร่ทางอีเมลของคุณ ตัวเลือกโครงร่างอีเมลประกอบด้วย จดหมายข่าว จดหมาย หนังสือแจ้งข่าวกิจกรรม และบัญชีรายชื่อสินค้า 3. นำการสื่อความหมายทางการตลาดติดตัวคุณไปทุกที่ หากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานประเภทใดประเภทหนึ่ง คุณอาจได้รับเชิญให้ไปพูดในกลุ่มองค์กรหรือสถานศึกษาต่างๆ ในเรื่องที่คุณกำลังดำเนินการ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสทางการตลาดที่คุณสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างแนบเนียน ตัวอย่างเช่น วิธีการหนึ่งในการทำให้ผู้ฟังของคุณมีส่วนร่วมและในขณะเดียวกันก็สามารถสื่อสารด้านการตลาดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ การนำเสนอที่ใช้สื่อทางสายตา หากคุณใช้ Office Small Business Edition 2003 อยู่ คุณจะสามารถใช้ PowerPoint 2003 ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เรียนรู้ง่าย ในการจัดทำการแสดงภาพสไลด์ ประโยชน์ของ PowerPoint ก็คือ ในขณะที่คุณกำลังพูด คุณสามารถแสดงข้อความ ภาพถ่าย และกราฟิก ไปพร้อมๆ กันได้ หรือแม้กระทั่งการแสดงภาพยนตร์ ภาพเคลื่อนไหว และเสียงก็ได้ จึงช่วยให้การนำเสนอของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และที่สำคัญก็คือ คุณสามารถใส่ชื่อและโลโก้ของบริษัทของคุณในสไลด์ทุกแผ่นได้4. สร้างเว็บไซต์ง่ายๆ ด้วยตนเอง หากคุณยังไม่ได้ตัดสินใจสร้างเว็บไซต์ของบริษัทของคุณ นั่นอาจเป็นเพราะคุณคิดว่าการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก แต่ด้วยโปรแกรม Publisher 2003 คุณสามารถจัดทำเว็บไซต์แบบมืออาชีพที่มีรูปแบบสวยงาม และพร้อมสำหรับใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ในราคาที่ไม่แพง คุณสมบัติ Easy Website Builder ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายที่ต้องการสำหรับเว็บไซต์ของคุณ จากนั้นโปรแกรม Publisheจะสร้างเว็บไซต์ที่ได้รับการปรับแต่งรูปแบบเพจให้ตรงกับความต้องการของคุณ นอกจากนี้ คุณอาจเลือกใช้ตัวช่วยสร้างเว็บไซต์เพื่อจัดทำเว็บไซต์พื้นฐานแบบ 3 เพจ หรือเว็บไซต์ที่เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการขายสินค้าและบริการแบบมืออาชีพ หลังจากที่คุณเริ่มต้นใช้เทคนิคทางการตลาดแบบแนบเนียนดังที่กล่าวมา คุณจะพบว่ายังมีอีกหลากหลายวิธีการที่คุณสามารถกระจายข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณอย่างสร้างสรรค์และมีชั้นเชิง

วิธีการเขียนแผนธุรกิจ

คุณต้องการเริ่มต้นธุรกิจของคุณเองใช่หรือไม่ ดีครับ แล้วคุณมีแผนธุรกิจหรือยัง หากยังไม่มี ธุรกิจของคุณเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
โดย C.E. Yandle
การเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลดเทมเพลตแผนธุรกิจ
การเริ่มต้นธุรกิจ

ภาพรวม

การวางแผนทางธุรกิจก่อนเปิดตัวบริษัท

เตรียมพร้อมในการเริ่มธุรกิจใหม่

การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

ธนาคารและสถาบันสินเชื่อจะพิจารณาแผนธุรกิจของคุณอย่างละเอียดเพื่อตัดสินใจว่าจะให้คุณกู้เงินหรือไม่ แผนธุรกิจจะประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่คุณและพนักงานของคุณใช้ในการทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องช่วยคุณในการตัดสินใจว่าอะไรควรดำเนินการก่อน หรือหลัง หรือไม่ต้องดำเนินการใดๆ เลย
หากบริษัทของคุณมีขนาดเล็กและดำเนินการที่บ้าน คำแนะนำต่อไปนี้บางเรื่องอาจเป็นสิ่งไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุด คุณควรมีแผนธุรกิจที่กำหนดเป้าหมายไว้ ประมาณการค่าใช้จ่าย แผนการตลาด และแผนการเลิกกิจการ แผนธุรกิจจะแสดงวิธีการสู่ความสำเร็จและแจกแจงรายละเอียดมาตรฐานต่างๆ สำหรับใช้วัดความสำเร็จดังกล่าว
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำง่ายๆ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์พื้นฐานของการจัดทำแผนธุรกิจที่ดี:

บทสรุปเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในข้อมูลสรุป (Executive Summary)
ข้อมูลสรุป (Executive Summary) จะกล่าวถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับธนาคารและสถาบันสินเชื่อ คุณจะต้องโน้มน้าวเจ้าหน้าที่สินเชื่อให้รู้สึกมั่นใจว่าแผนธุรกิจที่คุณเสนอสามารถดำเนินการได้จริงภายใน 2-3 หน้าแรกของข้อมูลสรุป
ข้อมูลสรุปนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อให้พนักงานและลูกค้าได้เข้าใจถึงแนวความคิดและธุรกิจของคุณก่อนที่เขาเหล่านั้นจะให้การสนับสนุนธุรกิจของคุณ

การชี้แจงว่าบริษัทคุณก่อตั้งขึ้นได้อย่างไร
อธิบายการกำเนิดของบริษัท รวมทั้งเรื่องที่คุณหรือเพื่อนร่วมธุรกิจได้แนวความมาจากที่ใด

เป้าหมายบริษัท
อธิบายสั้นๆ ประมาณ 2-3 ย่อหน้าถึงเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวของบริษัท อัตราการเจริญเติบโตที่คาดหวัง กลุ่มลูกค้าหลักของคุณคือใคร

ประวัติของทีมผู้บริหาร
ในหัวข้อผู้บริหารให้ระบุชื่อและภูมิหลังของสมาชิกทีมผู้บริหาร รวมทั้งความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละคนด้วย

สินค้าหรือบริการที่คุณวางแผนที่จะเสนอลูกค้า
ส่วนที่สำคัญที่สุดของบทสรุปคือการแสดงให้เห็นว่าสินค้าหรือบริการของคุณแตกต่างจากของผู้อื่นที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างไร

ศักยภาพของตลาดสำหรับสินค้าหรือบริการของคุณ
โปรดระลึกไว้ว่า คุณต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้ให้สินเชื่อและพนักงานของคุณ รวมทั้งคนอื่นๆ ให้มีความรู้สึกว่าคุณมีตลาดเป้าหมายขนาดใหญ่และขยายตัวอยู่เสมอ คุณต้องทำการวิจัยมาบ้างก่อนที่จะเขียนหัวข้อนี้ของแผนธุรกิจ ในกรณีที่เป็นธุรกิจระดับท้องถิ่น ให้ตรวจสอบอุปสงค์ในสินค้าหรือบริการของพื้นที่รอบรัศมีที่กำหนด นำข้อมูลที่ได้เปรียบเทียบกับข้อมูลของพื้นที่ที่ไกลออกไปอีกจากจุดที่ตั้งธุรกิจของคุณ หากเป็นธุรกิจที่ดำเนินการในเว็บหรือเป็นธุรกิจที่ดำเนินการทั้งในเว็บและในตลาดท้องถิ่น ให้ประเมินอุปสงค์ของระดับท้องถิ่นและ/หรือระดับประเทศ สำหรับรายงานจากบริษัทวิจัยระดับมืออาชีพอาจมีราคาแพง คุณสามารถค้นหาข้อมูลพื้นฐานได้จากเว็บและจาก Search engines และดัชนีต่างๆ

กลยุทธ์ในการขายสินค้าหรือบริการของคุณ
คุณมีแผนอย่างไรในการประกาศให้โลกรู้ว่าคุณได้เปิดธุรกิจแล้ว คุณจะใช้วิธีการบอกเล่าแบบปากต่อปากอย่างเดียวหรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ไม่ใช่แผนที่ดีนัก เว้นเสียแต่คุณเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการอยู่แล้ว คุณจะโฆษณาทางสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ เว็บ หรือทั้งสามช่องทางรวมกัน คุณจะใช้เครื่องมือทำการตลาดแบบออนไลน์ในการทำให้ชื่อบริษัทของคุณติดอยู่ใน Search engines และโฆษณาในเว็บไซต์อื่นๆ หรือไม่ และอย่าลืมที่จะกำหนดจำนวนเงินที่คุณจะใช้จ่ายในด้านการตลาดด้วย

ประมาณการทางการเงิน 3 ถึง 5 ปี
ในหัวข้อนี้ให้ใส่ข้อสรุปของการประมาณการทางการเงินของคุณ พร้อมกับหน้ากระดาษคำนวณที่คุณใช้ทำประมาณการการเงินของคุณ แสดงงบดุลของคุณ งบรายได้ และประมาณการเงินสดหมุนเวียนของช่วงเวลาทั้งหมด หัวข้อนี้คือส่วนที่คุณจะบอกผู้ให้สินเชื่อผู้คาดหวังของคุณว่าคุณต้องการกู้เงินจำนวนเท่าใดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเริ่มธุรกิจของคุณ การคาดการณ์ของคุณในหัวข้อนี้ สามารถมีผลทำให้ธุรกิจของคุณสำเร็จหรือล้มเหลวได้ หากคุณไม่มีความชำนาญในด้านการวางแผนทางการเงินดังกล่าว ก็ควรให้มืออาชีพช่วยดำเนินการให้ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
เรียนรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์กระดาษคำนวณ

แผนการเลิกกิจการ
ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของแผนธุรกิจที่ดี เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมักจะวางแผนขายบริษัทของตนเมื่อตนต้องการเลิกกิจการ คุณอาจต้องการส่งมอบการบริหารให้คนบางคนหรือทำให้เป็นบริษัทมหาชน คุณสามารถใช้ข้อมูลตัวเลขต่างๆ ในการพิจารณาเลิกกิจการ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางการเงิน ความเติบโตของรายรับ การยอมรับของตลาดในแนวความคิดของคุณ หรือข้อตกลงการเลิกกิจการที่ทำกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง ไม่ว่าคุณจะใช้หลักเกณฑ์ใด คุณต้องมีแผนในการรับกับผลตอบแทนการลงทุนที่คุณและผู้ร่วมลงทุนของคุณได้ลงไป

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2551

เมื่อกลยุทธ์สินค้าต้นทุนต่ำ ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

ถ้าจะให้อธิบายถึงสภาพการณ์โดยทั่วไปของการตลาดในยุค 90 เราอาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงแห่งพลังของสินค้าราคาถูก

ห้างวอล-มาร์ท, เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ส และเดลล์คอมพิวเตอร์ ทั้งสามกำหนดตำแหน่งอุตสาหกรรมของพวกเขาใหม่ด้วยโมเดลธุรกิจสินค้าต้นทุนต่ำที่บังคับให้เหล่าคู่แข่งต้องปรับตัวตาม ไม่เช่นนั้นก็อาจต้องล้มหายตายจากไปจากท้องตลาด
โมเดลสินค้าและบริการราคาต่ำของนักการตลาดเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเปลี่ยนยุคสู่ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างสบาย ในขณะที่คู่แข่งของพวกเขาต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยความพยายามอย่างหนักอยู่ร่ำไป
แต่แล้วในตอนนี้ พวกเขาแต่ละรายกำลังเผชิญหน้ากับสงครามการเติบโตที่สาหัสกว่าเดิม เส้นการเติบโตของวอล-มาร์ทเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของรายรับและยอดขายภายในร้าน (ยกเว้นสินค้าประเภทอาหาร) เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ และยังเติบโตช้ากว่าห้าง Macy's ในไตรมาสที่แล้ว
ส่วนเซาท์เวสต์ยกเลิกแผนการขยายธุรกิจและหันมาเปลี่ยนโมเดลธุรกิจการบริการของสายการบิน และเดลล์กลับไปขอความช่วยเหลือนายไมเคิล เดลล์ ผู้ก่อตั้งอีกรอบ ด้วยตำแหน่งซีอีโอเพื่อกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอีกครั้ง
การต่อสู้ดิ้นรนของพวกเขาอาจแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคใส่ใจในราคาน้อยลง แต่อย่าเพิ่งเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาวะเศรษฐกิจซบเซาคืบคลานเข้ามา แทนที่บริษัททำตลาดสินค้าและบริการราคาถูกเหล่านี้จะใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง พวกเขากลับเดินมาถึงจุดจบของเส้นทางการเติบโต และยังช่วยผลักดันให้เหล่าคู่แข่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
และในตอนนี้ ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างความสำเร็จ พวกเขาอาจแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังพยายามปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและการตลาดใหม่ให้มีสภาพการณ์ที่ต้องแข่งขันกันอย่างสาหัสมากขึ้น
วอล-มาร์ทตัดกำลังตัวเอง
"บริษัทค้าปลีกสินค้าลดราคาเหล่านี้เริ่มต้นจากแพลทฟอร์มต้นทุนต่ำมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยงท้าทายพวกเขา จนกระทั่งพวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคอนเซ็ปต์ของตัวเอง" นายแฟรงค์ ลูบี้ หุ้นส่วนที่ Simon-Kucher & Partners บริษัทที่ปรึกษาในบอสตัน ซึ่งเชี่ยวชาญในประเด็นด้านราคากล่าว
อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดผู้เล่นในท้องตลาดปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยลดราคาสินค้าให้ต่ำลงและปรับปรุงแนวทางการสร้างแบรนด์ของพวกเขาด้วยการเพิ่มจุดเด่นอื่นๆ เข้าไปด้วย ในขณะเดียวกัน ตลาดก็เริ่มปรากฏคู่แข่งต้นทุนต่ำเพิ่มมากขึ้น
วอล-มาร์ทได้ลดแผนการขยายสาขาใหม่ถึงสองครั้งในปีที่ผ่านมา และวางแผนที่จะเปิดซูเปอร์เซ็นเตอร์สาขาใหม่ในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วยจำนวนเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของสาขาที่ได้เปิดในปีที่แล้ว (รวมเปิดเพิ่มเพียง 140 สาขา)
ส่วนเซาท์เวสต์และเจ็ทบลูตัดสินใจยกเลิกแผนการขยายธุรกิจและเส้นทางการบิน และเดลล์ยอมรับถึงศักยภาพของโมเดลการพัฒนาสินค้าเพื่อตลาสแมสโดยเริ่มนำเสนอสินค้าผ่านทางเพื่อนร่วมทางอย่างวอล-มาร์ท
นายไมเคิล ซิลเวอร์สไตน์ ประธานบริษัท บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป กล่าวถึงคอนเซ็ปต์การปรับราคาสินค้าให้ต่ำลงว่าใช่ว่าจะด้อยประสิทธิภาพลง แต่แนวคิดเช่นนี้จะไม่สามารถแข็งแกร่งได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะราคาสินค้าที่ห้างร้านทั่วไปนำมาปรับเพิ่มเพื่อขายแก่ลูกค้าเริ่มมีเปอร์เซ็นต์ลดลงเรื่อยๆ ดังที่เราได้เห็นกันอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า "เดิมที ผู้ค้าปลีกสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดได้เดินตามขั้นแรกของแผนการเติบโตที่วางไว้ ซึ่งทำให้ร้านเข้าถึงผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย แต่ในระยะที่สอง พวกเขาจะรับมือกับปัญหาได้ยากขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องลดราคาต่อเพื่อให้สินค้าขายได้ และนั่นต้องใช้ทักษะที่ต่างออกไป"
รู้สึกไม่มั่นคง: เซาท์เวสต์ถูกท้าทายจากสายการบินที่หันมาปรับราคาตามและผู้เล่นน้องใหม่ เช่น สกายบัส
มากกว่าการลดราคา
โชคร้ายสำหรับบริษัทค้าปลีกสินค้าราคาถูกขนาดยักษ์ พวกเขาอาจจะเชี่ยวชาญในการพัฒนาทักษะให้แก่คู่แข่งมากกว่าตัวเอง พวกเขาแต่ละรายช่วยผลักดันให้คู่แข่งที่อ่อนแอกว่าหลายรายต้องออกจากธุรกิจ เข้าสู่ภาวะล้มละลาย หรือถูกคู่แข่งอีกรายกลืนกินไป
แต่คู่แข่งตัวฉกาจของพวกเขาอีกหลายรายกลับได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำลายช่องว่างระหว่างราคา โดยที่พวกเขาเหล่านั้นสามารถสร้างสิ่งอื่นที่เหนือกว่าราคาได้ ซึ่งอาจจะเป็นสไตล์ ความสะดวก คุณภาพ หรือบริการ
"ยากที่จะแข่งขันกันที่ราคาเพียงอย่างเดียว" นายราล์ฟ เบลสซิ่ง ประธานบริษัทที่ปรึกษา Arbor Strategy Group ในชิคาโกกล่าว "ผลการสำรวจของเราชี้ให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ไม่ต้องการทิ้งคุณภาพในประสบการณ์ในการช้อปหรือในบริการลูกค้าเพื่อแลกกับราคาเพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องการให้คุณทำทั้งสองข้อนี้"
ปัญหาท้าทายที่เหล่าผู้ค้าปลีกสินค้าลดราคากำลังเผชิญร่วมกันก็ไม่ต่างจากสินค้าบรรจุภัณฑ์ เช่น Suave ของยูนิลีเวอร์ หรือ VO5 ของ Alberto-Culver ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ทั้งสองเริ่มโฟกัสในสินค้าระดับราคาสูงกว่ามาตรฐาน วอล-มาร์ทพยามต่อสู้กับทาร์เก็ตและคอสโคมานาน ด้วยการให้ราคาที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งไม่ว่าจะในสินค้าที่เน้นดีไซน์ (ทาร์เก็ต) หรือสินค้าหายาก และสินค้าระดับหรูราคาสูงกว่า (คอสโค)
การเข้ามาของโครเกอร์
ล่าสุดนี้ วอล-มาร์ทต้องเผชิญหน้ากับโครเกอร์ โค.ที่ปรับตัวใหม่โดยตัดช่องว่างระหว่างราคาลงเหลือเพียง 7%-8% ในปีนี้จากที่มากกว่า 20% เมื่อ 5 ปีก่อน ตามการวิเคราะห์ราคาโดย Banc of America และ Citigroup โครเกอร์สร้างช่องว่างเหล่านั้นให้เล็กลง โดยยังคงใช้ไปรษณีย์ทางตรงเพื่อแจ้งการลดราคาลงอย่างมหาศาลในสินค้าที่ข้อมูลความภักดีที่บริษัทจัดทำขึ้นชี้ให้เห็นว่ามีความสำคัญต่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมานี้ส่งผลให้อัตราการเติบโตในรายรับของห้างวอล-มาร์ททั่วสหรัฐฯลดลงถึงครึ่งหนึ่งภายในระยะเวลา 5 ปี โดยภายในสามไตรมาสแรกของปีงบประมาณปีนี้ วอล-มาร์ทมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.4% จากที่เคยเติบโตอยู่ที่ 12.9% ในปี 2003
ถึงกระนั้นก็ตาม นายEduardo คาสโตร-ไรท์ ซีอีโอฝ่ายสินค้าประเภทอาหารของวอล-มาร์ทกล่าวในการประชุมผลประกอบการเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาว่า วอล-มาร์ทยังคงได้รับส่วนแบ่งในสินค้าประเภทอาหาร โดยยอดขายสินค้าประเภทอาหารเพิ่มขึ้น 5.3% จากการเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ในขณะที่ยอดขายสินค้าประเภทอาหารทั้งหมดเพิ่มขึ้น 13% ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตโดยรวมของห้างมาก
ปัญหาคือ วอล-มาร์ทเริ่มสูญเสียส่วนแบ่งทั่วทุกชั้นวางสินค้า ซึ่งเป็นที่ที่ทำกำไรได้ดีกว่า จากตัวเลขที่เปิดเผยโดยนายคาสโตร-ไรท์ รายรับของวอล-มาร์ทในไตรมาสที่ผ่านมา (ซึ่งไม่รวมรายรับจากสินค้าประเภทอาหารและยา) เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% และยอดขายซึ่งไม่นับอาหารและยาหดลง 2.3% เมื่อเทียบกับยอดขายในปีที่แล้ว
ในขณะเดียวกัน Macy's ซึ่งแม้จะสร้างความผิดหวังให้กับชาวตลาดหลักทรัพย์ แต่กลับเอาชนะวอล-มาร์ทในส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่อาหารได้ในไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.3% และยอดแจกสินค้าฟรีลดลง 0.8%
"แม้เราจะลดแผนการขยายสาขาลง แต่ยอดขายของเรายังคงเติบโตและการเปิดสาขาใหม่ในแต่ละปียังคงยิ่งใหญ่กว่าธุรกิจทั้งหมดของคู่แข่งบางราย" โฆษกของวอล-มาร์ทกล่าว และเขาชี้ว่าการเติบโตที่ช้าลงของร้านนั้น เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพื่อสร้างสมดุลการเติบโตด้วยผลประกอบการ
เรียนรู้จากความผิดพลาด
ปัจจุบัน คู่แข่งที่เคยถูกตีจนพ่ายยับไปกำลังลุกขึ้นสู้กับเดลล์และสายการบินราคาต่ำอีกครั้ง ฮิวเลตต์-แพคการ์ด และคอมแพค ซึ่งเป็นคู่แข่งสองรายที่กำลังไล่ต้อนเดลล์ในปีที่แล้ว ได้รวมตัวกันและร่วมรับส่วนแบ่งในการเป็นผู้นำในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยกว่าเดิมและการตลาดที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น
ส่วนตอนนี้ เหล่าสายการบินต้นทุนต่ำกำลังเผชิญหน้ากับผู้ให้บริการที่มีมาตั้งแต่ยุคแรกๆ เช่น เดลต้า นอร์ธเวสต์ และยูไนเต็ด ซึ่งพวกเขายอมหั่นราคาลงแม้ในภาวะที่เสี่ยงต่อการล้มละลาย
นอกจากนี้ ผู้ค้าปลีกสินค้าลดราคายังมีคู่แข่งเป็นห้างสินค้าราคาถูกน้องใหม่ที่มีระบบการจัดการแย่กว่า ทั้งนี้ วอล-มาร์ทยั้งต้องป้องกันตัวจากร้านหนึ่งเหรียญ (ร้านที่ขายสินค้าทุกชิ้นในราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งโดยปกติแล้วจะก่อตั้งในพื้นที่ติดกับผู้บริโภครายได้ต่ำมากกว่าวอล-มาร์ท ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบอีกข้อหนึ่งในภาวะที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน ห้างสรรพสินค้าบางแห่งที่วอล-มาร์ทเคยไล่ต้อนจนติดมุม ได้สร้างพื้นที่ราคาถูกสำหรับจัดตั้งร้านขายปลีกชุดกีฬา Steve & Barry's โดยห้างเพิ่มเชนร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้อีก 70 สาขา จากที่มีอยู่ 200 สาขาในปีนี้ ทั้งนี้ เชนร้าน Steve & Barry's เสนอสินค้าหลากหลายราคา ซึ่งบางชิ้นมีมูลค่าต่ำกว่า 8 ดอลลาร์สหรัฐ โดยคอนเซ็ปต์ร้านจะคล้ายกับร้านหนึ่งเหรียญสำหรับเสื้อผ้า แต่บรรยากาศจะสดใสน่าเข้ากว่า ไม่ใช่สไตล์ร้านสินค้าลดราคาที่ทั้งมืดและหดหู่
วกกลับมาพูดถึงอุตสาหกรรมการบิน เซาท์เวสต์และเจ็ทบลูต้องขับเคี่ยวกับคู่แข่งอย่างสกายบัส ที่ขายที่นั่งในราคาต่ำขนาด 10 ดอลลาร์สหรัฐ แก่นักเดินทางที่เต็มใจที่จะแยกจ่ายทุกสิ่งตั้งแต่น้ำจนถึงผ้าห่มต่างหาก และแทนที่จะได้รับชมรายการผ่านสัญญาณดาวเทียมโดย DirecTV เหมือนเจ็ทบลู แต่ผู้โดยสารสกายบัสจะได้ดูสิ่งที่เหมือนกับรายการโฮมชอปปิ้งช่อง QVC ในขณะที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเดินขายสินค้าที่ระลึก
ส่วนเดลล์ ในขณะที่กำลังขายสินค้าสำเร็จรูปราคาถูกที่วอล-มาร์ท ห้างขายปลีกแห่งนี้ยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างแลปทอปลีนุกซ์จาก Everex ที่มีราคาประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ
ข้อจำกัดของการลดราคา
ถึงกระนั้นก็ตาม วอล-มาร์ท เช่นเดียวกับเซาท์เวสต์และเดลล์ กำลังประสบปัญหาในการผลักดันให้สินค้าที่ตัวเองเป็นผู้ขายมีราคาถูกลงกว่าเก่า ถึงแม้ว่าการตัดราคาสินค้าในไตรมาสที่สามของห้างจะช่วยพลิกแนวโน้มของการปรับราคาในไม่กี่ปีมานี้ก็ตาม โครงการที่ห้างจะติดตามวัดผลสินค้าโดยติดชิปแบบ RFID กลับพัฒนาเชื่องช้ากว่าที่วางแผนไว้ และนำมาสู่ความสงสัยว่าแนวทางนี้จะเปิดตัวได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่
นายกอร์ดอน เบธูน อดีตซีอีโอคอนติเนนทัลแอร์ไลน์เคยกล่าวไว้ว่า ข้อดีที่สายการบินราคาประหยัดเหนือกว่าสายการบินที่เปิดให้บริการมานาน โดยหลักเป็นเพราะแรงงานที่อายุน้อยกว่าและถูกกว่า รวมถึงเครื่องบินที่ใหม่กว่าและง่ายในการบำรุงดูแลรักษามากกว่า ในตอนนี้ ทั้งแรงงานและเครื่องบินของสายการบินราคาต่ำเริ่มมีอายุการใช้งานมากแล้ว ในขณะที่สายการบินที่เปิดให้บริการมานานได้ใช้บทกฏหมาย Chapter 11 ว่าด้วยการล้มละลาย เพื่อตัดค่าแรงงานและจำนวนเครื่องบิน
ส่วนนายเบธูนนั้น เขาแนะนำให้กองทุนเฮ็ดจ์ฟันด์ผลักดันให้สายการบินยูไนเต็ดรวมกับเดลต้า แต่ก็อาจทำให้ราคาของพวกเขายังคงต่ำอยู่
"ปัญหาเรื่องราคาของเราอยู่ที่นั่น ทุกคนต่างรู้กันดี" นายแกรี่ เคลลี่ ซีอีโอเซาท์เวสต์กล่าวในการประชุมทางไกลร่วมกับนักวิเคราะห์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวคิดของเขาคล้ายกับที่นายเบธูนเคยกล่าวไว้เมื่อหลายปีก่อนมาก
เซาท์เวสต์สร้างนโยบายสนับสนุนการเกษียณก่อนกำหนด เพื่อช่วยต่อสู้กับปัญหาต้นทุนแรงงาน แต่ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษายังคงเพิ่มสูงขึ้นถึง 26.5% ในไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว นายเคลลี่กล่าวว่าสายการบินได้ชะลอแผนการขยายการเติบโต ซึ่งคล้ายกับแผนการของวอล-มาร์ทมาก ส่วนเจ็ทบลูพบกับปัญหาท้าทายอื่นๆเพิ่มเติม เช่น พื้นที่รองรับผู้โดยสารที่สนามบินเจเอฟเคในนิวยอร์กไม่สามารถรองรับแขกของสายการบินได้หมด จึงทำให้ระบบบริการลูกค้าของสายการบินประสบปัญหาหนักในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และส่งผลให้ประสบการณ์ลูกค้าในแต่ละวันมีความน่าพึงพอใจน้อยลง
หรือแม้แต่สินค้า Private Label (แบรนด์ของห้างค้าปลีก)ที่วางขายในร้านยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสินค้าลดราคาซึ่งเคยผลักดันให้นักการตลาดสินค้าบรรจุภัณฑ์ต้องปรับโครงสร้างใหม่ในยุค 90 ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นการชะลอตัวเช่นเดียวกัน โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะวอล-มาร์ทเริ่มสูญเสียส่วนแบ่งอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
วอล-มาร์ท ซึ่งมีขนาดใหญ่และล้อมรอบไปด้วยทางเลือกราคาถูกจำนวนมาก อาจมีช่วงเวลาในการปรับตัวที่ยากลำบากที่สุด นายลูบี้กล่าว ในขณะที่เซาท์เวสต์ดูเหมือนจะสามารถปรับตัวใหม่ได้ดีที่สุด ในช่วงต้นเดือนที่แล้ว เซาท์เวสต์ได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาชิ้นใหม่จาก GSD&M Idea City สาขาออสติน เท็กซัส ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือออมนิคอมกรุ๊ป โดยโฆษณาแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโมเดลการบริการของสายการบิน ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเดินทางเพื่อทำธุรกิจสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเพื่อระบุตำแหน่งที่นั่งล่วงหน้าได้
"พวกเขายังคงเติบโตต่อไปได้" นายลูบี้กล่าว "ด้วยการเจาะผู้คนที่เคยสูญเสียความภักดีไปด้วยประสบการณ์ก่อนหน้านี้"


โดย บิสิเนสไทย http://www.bcm.arip.co.th/

ไมโครซอฟท์รุกกลับเร็ว ป้องตลาดจากแอปเปิ้ล-กูเกิล

ยักษ์ซอฟต์แวร์ ‘ไมโครซอฟท์’ วางแผนรุกเร็วบุกแคมเปญโฆษณาให้ผู้บริโภคหันมาแรกแบรนด์เตรียมเรียกเอเยนซีใหญ่ 4 รายร่วมประมูลแอคเคาท์ งานนี้หวังสกัดคู่แข่งสำคัญอย่างค่ายแอปเปิ้ลและกูเกิลที่ไล่จี้ชิงฐานลูกค้าไปได้อย่างเหนือชั้นกว่า

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไมโครซอฟท์ชอบกล่าวถากถางล้อเลียนคู่แข่ง เช่น เมื่อ 2 ปีก่อนนายบิล เกตส์กล่าวตัดกำลังการคุกคามของกูเกิลด้วยซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ (Word-Processing)ว่า ยังคงมีฟังก์ชั่นการทำงานน้อยกว่าโปรแกรมแก้ไขข้อความ(Text Editor) ขั้นพื้นฐานในระบบวินโดว์ของไมโครซอฟท์เสียอีก แต่สำหรับฐานลทัพไมโครซอฟท์ในเมืองเรดมอนด์นั้น คำเยาะเย้ยเช่นนี้ ลึกๆแล้วนำมาสู่ความวิตกกังวลอย่างมาก
เมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล และยักษ์ใหญ่ระบบเสิร์ชที่เคยล้อเลียนไว้ข้างต้น ไมโครซอฟท์จึงต้องวางแผนหว่านแคมเปญโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าคอนซูเมอร์ของบริษัทโดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีใหม่นี้
ผู้บริหารไมโครซอฟท์กำลังพิจารณาการประมูลแอคเคาท์จากเอเยนซี 4 แห่ง ซึ่งรวมถึงเอเยนซีรายใหญ่ของบริษัทอย่างแมคแคน แอริคสัน และเอเยนซียอดนิยมในอุตสาหกรรมอย่างคริสปิน พอร์เตอร์ แอนด์ โบกัสกี้โดยแคมเปญที่นำมาประมูลนี้มีงบสื่อหนุนหลังถึง 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ไมโครซอฟท์ไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันของเอเยนซีในครั้งนี้ แต่ผู้บริหารเอเยนซีที่เปิดเผยรายละเอียดกับเรากล่าวว่า แคมเปญได้ผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานใหญ่ของไมโครซอฟท์เป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่ นายมิช แมทธิวส์ รองประธานอาวุโสกลุ่มการตลาดส่วนกลาง และแคมเปญมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับชุดโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ผู้บริโภคยอมรับว่ายอดเยี่ยมอย่างไม่เป็นที่สงสัย
เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการสูญเสียลูกค้าให้กับทางเลือกที่อาจเจ๋งกว่าซึ่งนำเสนอโดยแอปเปิ้ล หรือตัวเลือกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยกูเกิล ภารกิจส่วนหนึ่งจะเป็นการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการใช้โปรแกรมของคู่แข่ง มาใช้สินค้าของไมโครซอฟท์แทน
ทั้งนี้โฆษณาจะเน้นไปที่ความน่าเชื่อถือของไมโครซอฟท์ ไม่ว่าจะในส่วนของเดสก์ทอป เว็บ หรือบริการทางโทรศัพท์มือถือ
ทำไมนักการตลาดอย่างไมโครซอฟท์ถึงต้องทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อโฆษณาสินค้าที่ทุกคนใช้กันทุกวัน และพวกเขาเหล่านั้นก็รู้ดีด้วยตัวเองว่าสินค้าของไมโครซอฟท์ทำงานได้ดีหรือไม่อย่างไร แม้แต่ผู้บริหารเอเยนซีที่ให้รายละเอียดคนหนึ่งกล่าวว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการโฆษณา
นายโรเบิร์ต พาสสิคอฟฟ์ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา Brand Keys กล่าวเห็นด้วยว่า "นี่เป็นความท้าทายด้านสินค้า สิ่งที่พวกเขานำเสนอแก่ผู้บริโภคยังไม่ผสานรวมเป็นหนึ่ง แต่ดูเหมือนการปะติดไว้ด้วยกันมากกว่า"
หลายคนไม่เชื่อว่าแคมเปญโฆษณาครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นสินค้าที่น่าเบื่อของไมโครซอฟท์ ซึ่งรวมถึงระบบปฏิบัติการวิสต้า ที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างหลากหลายได้ ทั้งๆที่มีเม็ดเงินการตลาดมูลค่ามหาศาลหนุนหลังอยู่ แต่วิสต้ากลับได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากผู้บริโภคที่สุดท้าย ตัดสินใจเปลี่ยนกลับไปใช้ XP ตามเดิมอย่างรวดเร็ว
ต่างกับ Leopard ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการล่าสุดที่แอปเปิ้ลเพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ นายวอลท์ มอสเบิร์ก คอลัมนิสต์จากวอลสตรีทเจอร์นัลพาดหัวบทวิจารณ์ Leopard ทำนองว่าเร็วกว่าและง่ายกว่าวิสต้า ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นที่นักคลั่งเทคโนโลยีจำนวนมากต่างเห็นด้วย
ในขณะเดียวกัน เมื่อไมโครซอฟท์เปิดตัว Window Live ซึ่งเป็นแบรนด์หลักของชุดซอฟต์แวร์บริการทางออนไลน์จำนวนมาก พวกเขาถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าสินค้ามีความแตกแยกและไม่ชัดเจน ทั้งนี้ อัตราส่วนการยอมรับของผู้บริโภคในบริการจากวินโดว์ไลฟ์จะมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก โดยขึ้นอยู่กับแต่ละระบบบริการ
ตัวอย่างเช่น โปรแกรมแชท (Instant-Messenger) และอีเมล์ของไมโครซอฟท์เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน ไมโครซอฟท์ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อแข่งขันกับกูเกิลและยาฮูในพื้นที่การเสิร์ช แคมเปญที่กำหนดสร้างในเร็วๆนี้จะโฆษณาถึงความน่าเชื่อถือของบริการเหล่านี้ โดยยกระดับให้เทียบเท่ากับวินโดว์และแสดงให้เห็นว่าบริการเหล่านี้ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับแผนของไมโครซอฟท์กล่าว
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ไมโครซอฟท์พยายามใช้งบสื่อมูลค่ามหาศาลเพื่อซื้อความรักจากผู้บริโภค ซึ่งเป็นความรักที่กูเกิลได้มาโดยแทบไม่ต้องลงทุนจ่าย แทนที่จะลงเม็ดเงินเพื่อการโฆษณา กูเกิลกลับใช้สินค้าธรรมดาแต่มีประสิทธิภาพในการสร้างกระแสบอกต่อเกี่ยวกับสินค้าของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่ากูเกิลสร้างความสำเร็จให้กับสินค้าของตนได้อย่างมหาศาล แต่กลับใช้จ่ายน้อยกว่าที่ไมโครซอฟท์ลงทุน นอกจากนี้ ธุรกิจหลักของกูเกิลซึ่งเป็นรายรับที่มาจากโฆษณาในระบบเสิร์ชกำลังเติบโตสร้างกำไรได้อย่างงดงาม เช่นเดียวกับแอพพลิเคชันออนไลน์ของบริษัทบางชิ้น
Google App ซึ่งมีทั้งแบบให้บริการฟรีและเสียค่าธรรมเนียม อ้างว่ามีลูกค้าซึ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กจำนวนห้าแสนราย และนายราเยน เชธ ผู้จัดการสินค้าระดับอาวุโสของ Google App ระบุว่า บริษัทติดอันดับ Fortune 500 จำนวน 20-40 บริษัทกำลังอยู่ในขั้นทดสอบระบบนี้
นอกจากนี้ Google App ยังเข้าเจาะตลาดสถาบันการศึกษา ทั้งในสหรัฐฯและนานาชาติ โดยนักศึกษาชาวอียิปต์จำนวน 11 ล้านคนใช้ซอฟต์แวร์นี้
"การที่จะบอกส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดนั้นทำได้ยาก" เขากล่าว "เราคิดว่านี่คือความก้าวหน้าของระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์"
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังต้องป้องกันอาณาจักรจากศัตรูแถวหน้าอีกรายหนึ่ง นั่นคือ แอปเปิ้ล ซึ่งได้วางงบประมาณด้านสื่อจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างแคมเปญโฆษณาเปรียบเทียบโดยเล็งเป้าต่อสู้กับไมโครซอฟท์อย่างเห็นได้ชัด
คลื่นระลอกแรกของแอปเปิ้ลประกอบด้วยโฆษณาสุดฮิตที่มี "Mac" ผู้ทันสมัยออกมาล้อเลียนคาแร็กเตอร์เด็กเฉิ่มที่มีลักษณะคล้ายบิล เกตส์ โฆษณาแบนเนอร์เมื่อเร็วๆ นี้แสดงภาพ "PC" ถือป้ายเรียกร้องผู้บริโภค ซึ่งมีข้อความว่า "อย่าทิ้งวิสต้า" ทั้งนี้ ดีไซน์สุดฮิปของแอปเปิ้ลทำให้เกิดกรณี "อิจฉาแอปเปิ้ล" ที่ไมโครซอฟท์ ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าว หากพิจารณาถึงผลประกอบการ เห็นได้ชัดว่าในระยะไม่กี่ปี่ที่ผ่านมานี้ ทั้งแอปเปิ้ลและกูเกิลทำผลงานได้เหนือกว่าไมโครซอฟท์ โดยเฉพาะกูเกิล ซึ่งกลายเป็นบุคคลที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ด้วยราคาหลักทรัพย์ล่าสุดอยู่ที่เกือบ 700 ดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 2.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยังไม่ชัดเจนว่าไมโครซอฟท์จะประกาศผลเอเยนซีผู้ชนะเมื่อไร นอกจากแมคแคนและคริสปินแล้ว ฟอลลอน และ JWT เป็นอีกสองรายที่กำลังแย่งชิงธุรกิจสำหรับไมโครซอฟท์ในครั้งนี้




โดย บิสิเนสไทย http://www.bcm.arip.co.th/

ไมโครซอฟท์รุกกลับเร็ว ป้องตลาดจากแอปเปิ้ล-กูเกิล

ยักษ์ซอฟต์แวร์ ‘ไมโครซอฟท์’ วางแผนรุกเร็วบุกแคมเปญโฆษณาให้ผู้บริโภคหันมาแรกแบรนด์เตรียมเรียกเอเยนซีใหญ่ 4 รายร่วมประมูลแอคเคาท์ งานนี้หวังสกัดคู่แข่งสำคัญอย่างค่ายแอปเปิ้ลและกูเกิลที่ไล่จี้ชิงฐานลูกค้าไปได้อย่างเหนือชั้นกว่า

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไมโครซอฟท์ชอบกล่าวถากถางล้อเลียนคู่แข่ง เช่น เมื่อ 2 ปีก่อนนายบิล เกตส์กล่าวตัดกำลังการคุกคามของกูเกิลด้วยซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ (Word-Processing)ว่า ยังคงมีฟังก์ชั่นการทำงานน้อยกว่าโปรแกรมแก้ไขข้อความ(Text Editor) ขั้นพื้นฐานในระบบวินโดว์ของไมโครซอฟท์เสียอีก แต่สำหรับฐานลทัพไมโครซอฟท์ในเมืองเรดมอนด์นั้น คำเยาะเย้ยเช่นนี้ ลึกๆแล้วนำมาสู่ความวิตกกังวลอย่างมาก
เมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล และยักษ์ใหญ่ระบบเสิร์ชที่เคยล้อเลียนไว้ข้างต้น ไมโครซอฟท์จึงต้องวางแผนหว่านแคมเปญโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าคอนซูเมอร์ของบริษัทโดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีใหม่นี้
ผู้บริหารไมโครซอฟท์กำลังพิจารณาการประมูลแอคเคาท์จากเอเยนซี 4 แห่ง ซึ่งรวมถึงเอเยนซีรายใหญ่ของบริษัทอย่างแมคแคน แอริคสัน และเอเยนซียอดนิยมในอุตสาหกรรมอย่างคริสปิน พอร์เตอร์ แอนด์ โบกัสกี้โดยแคมเปญที่นำมาประมูลนี้มีงบสื่อหนุนหลังถึง 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ไมโครซอฟท์ไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันของเอเยนซีในครั้งนี้ แต่ผู้บริหารเอเยนซีที่เปิดเผยรายละเอียดกับเรากล่าวว่า แคมเปญได้ผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานใหญ่ของไมโครซอฟท์เป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่ นายมิช แมทธิวส์ รองประธานอาวุโสกลุ่มการตลาดส่วนกลาง และแคมเปญมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับชุดโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ผู้บริโภคยอมรับว่ายอดเยี่ยมอย่างไม่เป็นที่สงสัย
เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการสูญเสียลูกค้าให้กับทางเลือกที่อาจเจ๋งกว่าซึ่งนำเสนอโดยแอปเปิ้ล หรือตัวเลือกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยกูเกิล ภารกิจส่วนหนึ่งจะเป็นการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการใช้โปรแกรมของคู่แข่ง มาใช้สินค้าของไมโครซอฟท์แทน
ทั้งนี้โฆษณาจะเน้นไปที่ความน่าเชื่อถือของไมโครซอฟท์ ไม่ว่าจะในส่วนของเดสก์ทอป เว็บ หรือบริการทางโทรศัพท์มือถือ
ทำไมนักการตลาดอย่างไมโครซอฟท์ถึงต้องทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อโฆษณาสินค้าที่ทุกคนใช้กันทุกวัน และพวกเขาเหล่านั้นก็รู้ดีด้วยตัวเองว่าสินค้าของไมโครซอฟท์ทำงานได้ดีหรือไม่อย่างไร แม้แต่ผู้บริหารเอเยนซีที่ให้รายละเอียดคนหนึ่งกล่าวว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการโฆษณา
นายโรเบิร์ต พาสสิคอฟฟ์ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา Brand Keys กล่าวเห็นด้วยว่า "นี่เป็นความท้าทายด้านสินค้า สิ่งที่พวกเขานำเสนอแก่ผู้บริโภคยังไม่ผสานรวมเป็นหนึ่ง แต่ดูเหมือนการปะติดไว้ด้วยกันมากกว่า"
หลายคนไม่เชื่อว่าแคมเปญโฆษณาครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นสินค้าที่น่าเบื่อของไมโครซอฟท์ ซึ่งรวมถึงระบบปฏิบัติการวิสต้า ที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างหลากหลายได้ ทั้งๆที่มีเม็ดเงินการตลาดมูลค่ามหาศาลหนุนหลังอยู่ แต่วิสต้ากลับได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากผู้บริโภคที่สุดท้าย ตัดสินใจเปลี่ยนกลับไปใช้ XP ตามเดิมอย่างรวดเร็ว
ต่างกับ Leopard ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการล่าสุดที่แอปเปิ้ลเพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ นายวอลท์ มอสเบิร์ก คอลัมนิสต์จากวอลสตรีทเจอร์นัลพาดหัวบทวิจารณ์ Leopard ทำนองว่าเร็วกว่าและง่ายกว่าวิสต้า ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นที่นักคลั่งเทคโนโลยีจำนวนมากต่างเห็นด้วย
ในขณะเดียวกัน เมื่อไมโครซอฟท์เปิดตัว Window Live ซึ่งเป็นแบรนด์หลักของชุดซอฟต์แวร์บริการทางออนไลน์จำนวนมาก พวกเขาถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าสินค้ามีความแตกแยกและไม่ชัดเจน ทั้งนี้ อัตราส่วนการยอมรับของผู้บริโภคในบริการจากวินโดว์ไลฟ์จะมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก โดยขึ้นอยู่กับแต่ละระบบบริการ
ตัวอย่างเช่น โปรแกรมแชท (Instant-Messenger) และอีเมล์ของไมโครซอฟท์เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน ไมโครซอฟท์ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อแข่งขันกับกูเกิลและยาฮูในพื้นที่การเสิร์ช แคมเปญที่กำหนดสร้างในเร็วๆนี้จะโฆษณาถึงความน่าเชื่อถือของบริการเหล่านี้ โดยยกระดับให้เทียบเท่ากับวินโดว์และแสดงให้เห็นว่าบริการเหล่านี้ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับแผนของไมโครซอฟท์กล่าว
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ไมโครซอฟท์พยายามใช้งบสื่อมูลค่ามหาศาลเพื่อซื้อความรักจากผู้บริโภค ซึ่งเป็นความรักที่กูเกิลได้มาโดยแทบไม่ต้องลงทุนจ่าย แทนที่จะลงเม็ดเงินเพื่อการโฆษณา กูเกิลกลับใช้สินค้าธรรมดาแต่มีประสิทธิภาพในการสร้างกระแสบอกต่อเกี่ยวกับสินค้าของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่ากูเกิลสร้างความสำเร็จให้กับสินค้าของตนได้อย่างมหาศาล แต่กลับใช้จ่ายน้อยกว่าที่ไมโครซอฟท์ลงทุน นอกจากนี้ ธุรกิจหลักของกูเกิลซึ่งเป็นรายรับที่มาจากโฆษณาในระบบเสิร์ชกำลังเติบโตสร้างกำไรได้อย่างงดงาม เช่นเดียวกับแอพพลิเคชันออนไลน์ของบริษัทบางชิ้น
Google App ซึ่งมีทั้งแบบให้บริการฟรีและเสียค่าธรรมเนียม อ้างว่ามีลูกค้าซึ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กจำนวนห้าแสนราย และนายราเยน เชธ ผู้จัดการสินค้าระดับอาวุโสของ Google App ระบุว่า บริษัทติดอันดับ Fortune 500 จำนวน 20-40 บริษัทกำลังอยู่ในขั้นทดสอบระบบนี้
นอกจากนี้ Google App ยังเข้าเจาะตลาดสถาบันการศึกษา ทั้งในสหรัฐฯและนานาชาติ โดยนักศึกษาชาวอียิปต์จำนวน 11 ล้านคนใช้ซอฟต์แวร์นี้
"การที่จะบอกส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดนั้นทำได้ยาก" เขากล่าว "เราคิดว่านี่คือความก้าวหน้าของระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์"
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังต้องป้องกันอาณาจักรจากศัตรูแถวหน้าอีกรายหนึ่ง นั่นคือ แอปเปิ้ล ซึ่งได้วางงบประมาณด้านสื่อจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างแคมเปญโฆษณาเปรียบเทียบโดยเล็งเป้าต่อสู้กับไมโครซอฟท์อย่างเห็นได้ชัด
คลื่นระลอกแรกของแอปเปิ้ลประกอบด้วยโฆษณาสุดฮิตที่มี "Mac" ผู้ทันสมัยออกมาล้อเลียนคาแร็กเตอร์เด็กเฉิ่มที่มีลักษณะคล้ายบิล เกตส์ โฆษณาแบนเนอร์เมื่อเร็วๆ นี้แสดงภาพ "PC" ถือป้ายเรียกร้องผู้บริโภค ซึ่งมีข้อความว่า "อย่าทิ้งวิสต้า" ทั้งนี้ ดีไซน์สุดฮิปของแอปเปิ้ลทำให้เกิดกรณี "อิจฉาแอปเปิ้ล" ที่ไมโครซอฟท์ ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าว หากพิจารณาถึงผลประกอบการ เห็นได้ชัดว่าในระยะไม่กี่ปี่ที่ผ่านมานี้ ทั้งแอปเปิ้ลและกูเกิลทำผลงานได้เหนือกว่าไมโครซอฟท์ โดยเฉพาะกูเกิล ซึ่งกลายเป็นบุคคลที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ด้วยราคาหลักทรัพย์ล่าสุดอยู่ที่เกือบ 700 ดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 2.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยังไม่ชัดเจนว่าไมโครซอฟท์จะประกาศผลเอเยนซีผู้ชนะเมื่อไร นอกจากแมคแคนและคริสปินแล้ว ฟอลลอน และ JWT เป็นอีกสองรายที่กำลังแย่งชิงธุรกิจสำหรับไมโครซอฟท์ในครั้งนี้


โดย บิสิเนสไทย http://www.bcm.arip.co.th/
 
Reciprocal Links Directory - Smarty Links is the right place to get linked!